เป็นประเด็นที่สังคมให้ความสนใจอย่างมากกับวัคซีนโควิด-19 โดยเฉพาะประเด็นที่ว่า ของจีนดีหรือไม่ สมควรฉีดหรือไม่ และจะใช้ของใครดี
วันนี้มีข้อมูลจาก ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่โพสต์ในเฟซบุ๊กส่วนตัว และให้สัมภาษณสื่อ สรุปให้เข้าใจพอสังเขปได้ ดังนี้

วัคซีนจากทั่วโลกแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม
1.ทำจากพันธุกรรม mRNA (ของไฟเซอร์ และโมเดอร์นา จากสหรัฐอเมริกาและยุโรป)
-ข้อดี : ทำได้ง่าย, มีจำนวนมากอย่างรวดเร็ว เพราะทำในโรงงาน, กระตุ้นภูมิต้านทานได้สูง, ผลในระยะสั้นปลอดภัย ทำให้มีการฉีดมากที่สุดในขณะนี้
-ข้อเสีย : RNA สลายตัวได้ง่าย, เก็บที่อุณหภูมิต่ำมาก ๆ, เป็นชนิดแรกที่ใช้ในมนุษย์, อาการข้างเคียงหลังฉีดพบได้บ่อย เช่น มีไข้ ปวดเมื่อย, ระยะยาวยังต้องรอการศึกษาต่อไป เช่น ติดตามเป็นปีหรือหลายปี
2.ไวรัส Vector (แอสตร้าเซนเนก้า ของอังกฤษ, สปุคนิก ของรัสเซีย)
-เคยใช้ในมนุษย์ทำอีโบล่าวัคซีน
-ข้อดี : ผลิตได้จำนวนมาก, ทำได้ง่าย เพราะทำจากโรงงาน, มีความคงทนกว่า, สามารถเก็บได้ในอุณหภูมิ 2-8 องศา, ราคาจะถูก เพราะทำได้จำนวนมาก
-ข้อเสีย : เป็นวัคซีนชนิดใหม่ ผลระยะยาวจึงยังไม่ทราบต้องติดตามต่อไป
3.วัคซีนเชื้อตาย (SinoVac SinoPharm ของจีน)
-ข้อดี : วิธีการผลิตใช้หลักการเดียวกับวัคซีนที่ทำมาในอดีต เช่น วัคซีนตับอักเสบเอ โปลิโอ พิษสุนัขบ้า, มีความปลอดภัย เนื่องจากเป็นเชื้อตาย จึงสามารถใช้ในคนที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่องได้, ภูมิคุ้มกันต่ำ เชื้อไม่ไปเพิ่มจำนวน การกระตุ้นภูมิต้านทานจะได้ระดับต่ำกว่าวัคซีนอีกสองชนิด
-ข้อเสีย : การผลิตจำนวนมากทำได้ยาก เพราะเป็นไวรัสชนิดก่อโรค จะต้องเพาะเลี้ยงในห้องชีวนิรภัยระดับสูง, ต้นทุนในการผลิตสูง และไม่ค่อยมีใครอยากทดลองกับเชื้อตัวนี้
-การศึกษาในยูเออี, ตุรกี พบว่า SinoVac มีประสิทธิภาพสูงถึง 90%, วัคซีนของจีนที่ทำการศึกษาที่ ยูเออี กับประชากร 3 หมื่นกว่าคน พบว่ามีประสิทธิภาพถึง 86%
สรุปความคิดเห็น ศ.นพ.ยง
-โชคดีแล้วที่จีนให้วัคซีนไทย 2 ล้านโดส เพราะด้วยเงื่อนไขต่าง ๆ เช่น แง่กฎหมาย ทำให้การหาวัคซีนได้เร็วเป็นไปได้ยากมาก
-ถือเป็นเรื่องโชคดีที่มีมิตรภาพกับจีน เพราะจีนผลิตจำนวนมากได้ยากมาก
-ไม่คิดว่า วัคซีนจีนไม่ดี
-ตอนนี้ตลาดวัคซีนทั้งหลายเป็นของผู้ขาย ไม่ใช่ผู้ซื้อ ต่อให้ผู้ซื้อมีเงิน บางทีก็ซื้อไม่ได้
-หลังจากนี้ 1 ปี ตลาดจะเป็นของผู้ซื้อ แต่เราจะรออีก 1 ปีได้หรือไม่
-ไทยไม่มีทางเลือก ถ้ามีมิตรภาพ ไปขอซื้อจากไฟเซอร์ ตอนนี้ก็ไม่มีวัคซีนให้ ส่วนเซนเนก้าต้องรอเดือน มิ.ย.
-จากการออกแบบสอบถามทางเฟซบุ๊คส่วนตัว พบว่า มีผู้ตอบแบบสอบถามกว่า 3 หมื่นราย สรุปได้ว่า 80% อยากฉีดวัคซีน, 10% ยังลังเล และที่เหลือ จะไม่ฉีด

-------------------
อ้างอิงข้อมูลจากเฟซบุ๊กสาหร่ายง
'ศ.นพ.ยง' ชี้ตลาดผู้ขาย โชคดีไทยได้วัคซีนโควิดจากจีน
https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/916279