ไม้ MDF VS
ไม้พาราประสานไม้ MDF คือ
Medium-Density Fiberboard (ไม้ MDF) เป็นเศษไม้และขี้เลื่อย ต่างๆที่นำมาทำการบดเพื่อให้เกิดมวลที่เล็กที่สุด เพื่อให้เหมาะกับการนำมาบีบอัดด้วยเครื่องบีบอัดความดันสูงและความร้อน ด้วยเครื่องจักรเฉพาะทาง ความหนาแน่น จะอยู่ประมาณ 500 กิโลกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (kg/m3) ขึ้นไป เพื่อทำให้เนื้อไม้ มีความแน่น ละเอียดเรียบเนียน แต่ก็ยังมีมวลที่ไม่หนาแน่มากนัก จัดอยู่ในระดับกลางๆ แต่ก็มีความแข็งแรงระดับนึงแผ่นไม้ MDF ที่ขายกันตามท้องตลาด อยู่ที่ 1.22 x 2.45 เมตร (หรือ 4 x 8 ฟุต) ต่อแผ่น
ข้อดีของไม้ MDF
1. ราคาไม่แพง นิยมนำมาทำเฟอร์นิเจอร์ราคาถูกเกรดห้างทั่วๆไป
2. ผิวละเอียด เรียบเนียนสม่ำเสมอ ตลอดทั้งแผ่น
3. มีความแข็งแรงในระดับนึง
4. สามารถพ่นสี ทาสีลงเข้าไปในเนื้อไม้ได้
5. สามารถทนน้ำและความชื้นได้(ระดับนึง) แต่ต้องเป็นไม้ MDF อีกรูปแบบคือ ไม้HMR นั้นคือMDFที่เปลี่ยนใช้กาวมีคุณสมบัติกันความชื่นนั่นเอง (เพียงแค่เพิ่มความต้านทานน้ำและความชื้นได้ระดับนึงเท่านั้น) ก็ยังสามารถเกิดอาการบวมตัวเนื้อไม้ภายในและเกิดราได้อยู่ดีและจำเป็นต้องทำสีหรือปิดพื้นของเนื้อไม้ด้วย
ข้อเสียของไม้ MDF
1. อายุการใช้งานสั้นกว่าวัสดุที่เป็นเนื้อไม้ที่ยังไม่ได้แปลรูปอย่างแน่นอนเพราะความชื้นสะสมจะเกิดขึ้นในตัวไม้ไปเรื่อยๆ
2. กลิ่นของกาว ข้อนี้ขึ้นอยู่กับผู้ผลิตนั้นคือสูตรของกาวและสาเคมีที่ใช้ในแต่ละที่จะไม้เหมือนกันกลิ่นเหม็นของกาวจึงมีความแตกต่างกัน บางที่อาจจะกลิ่นแรงมากแต่ราคาถูก บางที่อาจจะไม่มีกลิ่นแต่ก็ราคาสูงกว่าเล็กน้อยเป็นต้น
3. น้ำหนักเยอะ เพราะมวลของเศษเล็กเศษน้อยของไม้และขี้เรื่อยที่นำมาบีบอัดกันจนทำให้น้ำหนักมาก สังเกตุได้จากหากเราใช้งานชั้นวางของที่ทำจากไม้MDFไปนานๆ เราวางของที่ไม่ได้หนักมากไว้ที่ชั้นวางเมื่ออายุการใช้งานของตัวไม้ใกล้หมดลง มันจะเกิดอาการเอียง ยุบของแผ่นไม้ทั้งจากน้ำหนักของ ของที่วางอยู่ แต่ที่สำคัญคือความชื้นสะสมในเนื้อเมื้อ
4. เกิดราได้ เพราะความชื้นจากเกิดได้มากกับไม้อัดผรงอย่างMDF
5. จำเป็นต้องปิดผิวไม้และเคลือบสี เพื่อช่วยในเรื่องกันน้ำและกันความชื้นแต่ถ้าโดนน้ำหรือมีน้ำซึมเข้าไปและโดนความชื้นมากๆ ก็จะเกิดการบวมและราในอนาคตอย่างแน่นอน
6. กันน้ำและความชื้นไม่ได้ ไม่กันน้ำและความชื้น ถ้ามองด้านอายุการใช้งานซึ่งสิ่งของประเภทเฟอร์นิเจอร์ไม้ ท่านเองคงต้องการอายุที่ยาวนานอยู่แล้ว ใครจะอยากซื้อสินค้าประเภทนี้ปล่อยๆไม้ประเภทนี้เหมาะกับการใช้งานภายในเท่านั้นและต้องมีความชื้นต่ำๆ เพื่อที่จะไม่เกิดการบวมของเนื้อไม้ภายใน ถึงจะมีสีหรือวัสดุปิดผิวไม้ก็ใช่ว่าตัวไม้จะไม่เกิดการบวมและขึ้นราจากความชื้น ท่านอาจจะคิดว่าติดตั้งไว้ภายในตัวอาคาร ไม่โดนน้ำ ไม่ได้ตั้งไว้ในครัว ไม่ได้ตั้งไว้ใต้แอร์ แต่ความชื้นภายในตัวอาคารก็ยังมีอยู่ และสิ่งจำเป็นอีกอย่างคือต้อง มีวัสดุปิดผิวไม้ที่มีคุณภาพจึงจะช่วยปิดข้อบกพร่องด้านนี้ได้ เช่น PVC รามิเนท เมลามีน แต่ถึงจะกันน้ำได้ระดับนึง ก็ไม่สามารถกันความชื้นได้
VS
ไม้ประสาน
ไม้ประสาน หรือเรียกได้อีกอย่างว่าไม้อุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์ ถือเป็นไม้ที่มีคุณภาพดีขึ้นมาอีกระดับ พูดง่ายๆ คือดีกว่าทั้ง ไม้ MDF ที่ได้กล่าวมาด้านบน ในแง่ของความทนทาน แข็งแรงและคุณสมบัติพิเศษต่างๆ เช่น การกันน้ำ กันปลวก ไม้อัดยาง คือ ไม่1แผ่นบางๆ แล้วนำมาเรียงชั้น ทำให้บางแล้วอัดเป็นชั้นๆจนแน่น แต่ละชั้นจะประกอบด้วยเนื้อไม้และกาวอุตสาหกรรมไม้เฉพาะโดยกาวที่น้ำมาใช้จะมีการผสมน้ำยากันปลวกและสารเคมีที่จะมีจุดเด่นต่างๆเช่น กันน้ำ กันความชื้น เป็นต้น
ไม้ประสานก็เปรียบเสมือนไม้ทั้งท่อนจริงๆที่นำมาตัดให้บางลงแล้วนำมาติดหรือต่อกันใหม่เพื่อช่วยให้มีจำนวนพอสำหรับความต้องการทางอุตสาหกรรมไม้ต่างๆ เพราะหากต้องการเฟอร์นิเจอร์ที่ทำมาจากไม้ทั้งท่อนก็เป็นเรื่องที่ยากเพราะขนาดตามความต้องการนั้นมีมากเกินจำนวนของไม้ขนาดใหญ่ๆ แต่ก็เป็นเรื่องที่ดีนอกจากจำนวนที่เพียงพอแล้ว ราคายังถูกกว่าไม้ชิ้นใหญ่อีกด้วยถึงจะเป็นไม้ชนิดเดียวกันคุณสมบัติยังมีเหมือนกันก็ตาม ไม้ที่นิยมมาทำไม้อัดประสาน เช่น ไม้อัดยาง หรือ ไม้ยางพาราประสาน ไม้อัดสัก ไม้อัดสักอิตาลี ไม้อัดแอช เป็นต้น
โดยคุณสมบัติของ ไม้อัด นั้นนอกจากจะมีความคงทน แข็งแรง แล้ว คุณสมบัติพิเศษของเนื้อไม้ก็ยังอยู่ครบสมบูรณ์ทั้งสี กลิ่น ยางในตัวไม้ที่มีคุณสมบัติในตัวเองเช่น การทนต่อความชื้น กันน้ำ หากเป็นไม้เนื้อแข็งก็จะกันปลวกได้อย่างแน่นอน และถึงจะเป็นไม้เนื้ออ่อนที่นำมาทำไม้ประสานในกระบวนการผลิตทุกโรงงานก็จะประสมน้ำยากันปลวกลงไปกับกาวที่ติดเนื้อไม้อยู่ดีทำให้ไม้ประสานไม่ว่าจะเป็นไม้เนื้อแข็งหรืออ่อนมีคุณสมบัติกันน้ำความชื้นและปลวกได้ในระดับดีเยี่ยม นอกจากนี้แล้ว สามารถนำไปปิดผิวเพิ่มเติมเองได้อีกด้วยเพื่อเพื่มความสวยงามและความทนทานได้อีกระดับ
ส่วนขนาดความหนามาตรฐานของไม้อัดก็มีตั้งแต่ประมาณ 3 มิลลิเมตร ถึง 20 มิลลิเมตร ส่วนขนาดของแผ่นไม้ที่จำหน่ายกันทั่วไป ในท้องตลาด ก็จะเป็นขนาดมาตรฐาน เหมือนกับกับไม้ชนิดอื่นๆ นั่นคือ อยู่ที่ 1.22 x 2.45 เมตร (หรือ 4 x 8 ฟุต) นั่นเอง
ข้อดีของและข้อเสียของ ไม้ประสาน
1.กันน้ำได้และความชื้นได้ดี หากทำน้ำหกใส่หรือตั้งอยู่ในที่ ที่มีความชื้น ก็จะไม่บวมอย่างแน่นอน นิยมนำมาทำเฟอร์นิเจอร์เกรดA และเฟอร์นิเจอร์ที่จะอยู่ในจุดที่อาจเกิดความชื้นเช่น ห้องแอร์ ครัว และส่วนต่างๆในบ้าน
2. มีหลายเกรดและความหนาแน่นของตัวเนื้อไม้ให้เลือก เพื่อให้เหมาะสมกับการใช้งาน สามารถตอบสนองความต้องการหรือปัจจัยการใช้งานได้หลากหลายรูปแบบ
3. เนื้อไม้เหมาะกับภูมิประเทศในเขตร้อนชื้น เนื่องจากมีการปรับเปลี่ยนทางอุณหภูมิที่หลากหลาย
4. อายุการใช้งาน อายุการใช้งานที่ยาวนานมากกว่า ปัจจัยที่บอกได้อย่างชัดเจนคือการเกิดความชื้นในเนื้อไม้ แม้ว่าจะใช้งานเหมือนกันตั้งหรือวางไว้ที่เดียวกันอายุการใช้งานเมื่อเทียบกับ ไม้MDF ก็ไม่เท่ากันอยู่ดี
5. ราคาถูกกว่าไม้ชิ้นใหญ่ ถ้าเทียบกับ ไม้MDFแล้วไม้ประสานอาจจะมีราคาสูงกว่าก็จริง แต่ถ้ามองความคุ้มค่าก็อีกเรื่องนึง
6. ความสวยงามของเนื้อไม้และสีไม้ ไม้มีความเรียบเนียนและมีสีขาวหรือไม่เข้มทำให้ทำสีได้ง่าย เนื้อสีที่ทำความความชัดเจนสวยงาม
7. ทนทานแข็งแรง มีความทนทานและแข็งแรงในระดับนึง แต่ถ้าเทียบกับไม้MDFแล้วมีความแข็งแรงกว่ามากเพราะมวลของเนื้อไม้มีความหนาแน่นมากกว่าและมีการยึดติดในตัวเนื้อไม้ที่ดีกว่า
8. น้ำหนักเบา ทำให้สามารถเคลื่อนย้ายได้สะดวกแต่ก็ยังแข็งแรง
9. ตัด
แต่งโครงสร้างได้ง่าย ตัดหรืองอ ตัวแผ่นไม้เพื่อตัดแต่งโคตรสร้างตามรูปแบบได้ เพราะเนื้อไม้ประสานยังมีความยึดหยุ่นอยู่
10 คุ้มค่าในระยะยาว ไม่ว่าจะเป็นโต๊ะ ตู้ เตียง หรือ เฟอร์นิเจอร์อะไรก็แล้วแต่ หากท่านต้องการความคุ้มค่าจริงๆ ท่านก็ตัดสินใจดูเองแล้วกันว่า วัสดุไหน ที่ตอบสนองความต้องการในการใช้งาน ของท่านจริงๆ ทั้งด้านราคาที่ห่างก อายุการใช้งาน คุณสมบัติของไม้ที่ท่านเลือก ให้เหมาะสมกับการใช้งานของท่านว่ามันคุ้มไหม?
