"จรูญเภสัช" บทพิสูจน์ศักยภาพยาไทย ความท้าทายครั้งใหม่ บนมือผู้บริหารเจน 2 ยารักษาโรค หนึ่งในปัจจัยสี่อันเป็นตัวละครหลักในเรื่องราวชีวิตของคนทุกคน แต่น่าแปลกใจที่ยารักษาโรครอบตัวคนไทย กลับถูกความเชื่อกลืนกินว่า 'เม็ดยาที่ดีต้องมาจากต่างประเทศ' จึงไม่น่าแปลกใจที่สายตาคนไทยทุกคู่ จะให้ความสำคัญกับแบรนด์ รวมถึงผู้ผลิต 'ยานอก' มากกว่า 'ยาไทย' อย่างเห็นได้ชัด แม้กว่าค่อนของธุรกิจยาเมืองไทย จะถูกครอบครองโดยยาสัญชาตินอก แต่ในอีกมุม ธุรกิจนี้ยังมีเวทีใหญ่ของ 'บริษัทผลิตยาสัญชาติไทย' ตั้งตระหง่านอยู่มานานกว่า 40 ปี รากฐานอันมั่นคงที่เกิดจากประสบการณ์ของคนรุ่นเก่าแห่งนี้ กำลังเติบโตและฉายแสงกว่าเดิมในมือคนรุ่นใหม่ โดยปัจจัยที่ทำให้
'จรูญเภสัช' บริษัทยาคนไทย ก้าวขึ้นมาลบล้างความเชื่อเดิมๆ แสดงให้เห็นว่าศักยภาพยาไทย ก็ดีไม่แพ้ยานอก ทั้งหมดอยู่ในหัวของผู้บริหารเจนที่ อย่าง 2
'ณัฎฐ์ธิดา เกียรติวงศ์' กรรมการผู้จัดการ บริษัท จรูญเภสัช จำกัด "ธุรกิจยา ไม่ใช่ธุรกิจที่มุ่งเน้นแค่เรื่องค้าขายได้เงินอย่างเดียว แต่เป็นธุรกิจที่สามารถแก้ปัญหา (pain point) ให้คนได้จริง และสามารถทำให้คุณภาพชีวิตของคนดีขึ้นได้ด้วยยาไม่กี่เม็ด"
ณัฎฐ์ธิดา หรือ คุณจูน เอ่ยถึงความหมายของธุรกิจตามแนวทางของเธอ "ทุกๆ การทำ
งานในจรูญเภสัชให้ความรู้สึกว่า ได้งานพร้อมกับช่วยคนไปด้วย คติแรกที่เราวางไว้ตั้งแต่เริ่มทำงาน จึงเป็นเรื่องความซื่อสัตย์ ที่ไม่ได้เป็นแค่คำพูดสวยๆ เพราะยาเป็นเรื่องของชีวิตคน ข้อมูลทั้งหมดจริงทั้งข้อดี-ข้อควรระวัง จึงเป็นสิ่งสำคัญ"
"ยาไม่ใช่ขนม ต่อให้เราอยากขายให้ตาย แต่ถ้าใช้แล้วเป็นอันตราย-ไม่เหมาะกับคนไข้ เราก็ไม่มีวันหน้าเลือดขายไปแน่นอน"จรูญเภสัช เป็นหนึ่งในผู้นำด้านการผลิตและจัดจำหน่ายสินค้ายาและเวชภัณฑ์ ซึ่งบทบาทผู้นำแห่งวงการยาสัญชาติไทยนี้ เกิดจากวิสัยทัศน์ฉีกโมเดลธุรกิจของ
'เภสัชกรจรูญพงศ์ เกียรติวงศ์' ผู้ก่อตั้งและผู้บริหารเจน 1 ผู้ปลุกปั้นจรูญเภสัชขึ้นมาในฐานะบริษัทยา 'ที่ไม่มีโรงงานผลิตเป็นของตัวเอง'
"จรูญเภสัช เป็นธุรกิจยาที่ไม่เหมือนใครอื่นในวงการยาเลย ย้อนกลับไปช่วงก่อตั้งบริษัท คุณพ่อ (เภสัชกรจรูญพงศ์) อยากมีบริษัทยาเอง แต่ก็ไม่ต้องการความวุ่นวายจาก cost ต่างๆ คุณพ่อเลยเลือกจะทำข้อตกลงกับโรงงานยาแห่งหนึ่ง ให้เขารับผิดชอบการผลิต และให้จรูญเภสัชรับผิดชอบการขาย ภายใต้เงื่อนไข exclusive distributor คือจรูญเภสัชเป็นผู้จัดจำหน่ายแต่เพียงผู้เดียว นี่จึงเป็นสาเหตุว่าทำไมเราจึงขึ้นเป็นผู้นำในวงการยาได้ แม้ไม่มีโรงงานของตัวเอง"
ณัฎฐ์ธิดา เล่า
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา จรูญเภสัชดำเนินการสร้างรากฐานธุรกิจให้เติบโต ด้วยการเน้นตลาด B2B จำหน่ายยาให้โรงพยาบาล คลินิก ร้านขายยาในประเทศ ทว่าแม้รากฐานจะแข็งแรงสักเท่าไร แต่ทุกสิ่งก็มีความเสี่ยงพังทลายได้ตามกาลเวลา สิ่งแรกที่
ณัฎฐ์ธิดา เลือกลงมือในงานบริหาร จึงไม่ใช่การรีบต่อยอดหากำไร แต่เป็นการปรับปรุงรากฐานเสียใหม่ ให้ทุกองค์ประกอบมั่นคงกว่าเดิม
"ตอนรับช่วงต่อจากคุณพ่อ ใจจริงเราก็อยากออกไปลุยหายอดขายเลยเหมือนกัน แต่เราก็คิดได้ว่าถ้าเรารีบเร่งทั้งๆ ที่ฐานยังไม่แน่น ไม่นานเดี๋ยวมันก็พัง ฉะนั้นสิ่งที่เราเริ่มทำคือการวางระบบแต่ละแผนกใหม่หมด เอาตัวเองเข้าไปเรียนรู้ ไปลงมือทำหน้างานจริงกับพนักงานแต่ละแผนก สต็อกสินค้า เก็บข้อมูลลูกค้า ฝ่ายขาย การเงิน ทำวนมาจนครบลูป ทำให้เรารู้ว่าคนทำงานต้องการอะไร ในทุกๆ วันต้องเจอปัญหาอะไรบ้าง และหากเกิดปัญหาขึ้นจริงๆ เราก็นึกภาพออกเลยว่าควรแก้ไขอย่างไร"
"อีกส่วนหนึ่ง คือจรูญเภสัชมีการเก็บ DATA ในตลาด B2B มาโดยตลอด" ณัฎฐ์ธิดา กล่าว "การจัดการนี้คือรากฐานสำคัญที่ทำให้เรารู้จักลูกค้าของตัวเองเป็นอย่างดี จรูญเภสัชสามารถพยากรณ์ล่วงหน้าได้ว่าแต่ละ โรงพยาบาล คลินิก ร้านขายยา ต้องการอะไร ซื้อบ่อยแค่ไหน จำนวนเท่าไร DATA จึงเป็นเหมือนฟันเฟืองที่เชื่อมโยงรากฐานของบริษัทนี้ให้แข็งแรงขึ้น คอยหมุนให้ระบบภายในไหลลื่น และทำให้ธุรกิจเดินหน้าต่ออย่างไม่ติดขัด แม้ต้องเจอกับภาวะวิกฤตที่ไม่คาดคิดก็ตาม"