“คิง เพาเวอร์” พร้อมเปิดบริการแล้ว “คิง เพาเวอร์ ภูเก็ต” โชว์มาตรฐานครบ 3 เรื่อง “SHA PLUS-พนักงานฉีดวัคซีนครบ-เข้มทุกพื้นที่บริการ” ร่วมนำร่องต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติในโครงการ “ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์” เริ่ม 1 ก.ค.นี้ ขณะที่ผู้นำสนามบินภูเก็ตหนุนเต็มเหนี่ยว 4 ด้าน “สถานที่-บุคลากร-มาตรการ-ประชาสัมพันธ์” ส่วนคิง เพาเวอร์ในกรุงเทพฯ “ไทยเทสต์ฮับ” ศูนย์รวมสตรีทฟู้ดแถวหน้าของเมืองไทย 2 สาขา รางน้ำกับศรีวารีปรับเวลาเปิด-ปิดชั่วคราวเริ่ม11โมง และ “มหานคร คิวบ์” ผนึก 3 ดิเวอรี่ “โรบินฮูด-ไลน์แมน-แกร๊ปฟู้ด” มีโปรโมชั่นค่าส่ง 9 บาท ให้เลือกสั่ง 100 เมนูเสิร์ฟถึงบ้าน
กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ รายงานว่า เตรียมพร้อมเปิด “คิง เพาเวอร์ ภูเก็ต” อีกครั้ง ขานรับโครงการ “ภูเก็ต แซนด์บอกซ์ :Phuket Sandbox” ตามนโยบายรัฐบาลไทยประกาศจะขับเคลื่อนในพื้นที่นำร่องจังหวัดภูเก็ตเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2564 เป็นต้นไป ขณะนี้ คิง เพาเวอร์ ภูเก็ต ได้ดำเนินการตามเกณฑ์สากลของจังหวัดภูเก็ตและมาตรการของรัฐบาลครบทั้ง 3 เรื่อง ได้แก่ 1.เป็นร้านค้าปลีกเพื่อการท่องเที่ยวที่ได้รับตราสัญลักษณ์ SHA Plus 2.พนักงานให้บริการในร้านทั้งหมดรับการฉีดวัคซีน 2 โด๊ส ครบร้อยเปอร์เซนต์ 3.กำหนดมาตรการฉีดพ่นพื้นที่ให้บริการทุกจุดอย่างสม่ำเสมอ ประกอบด้วย
เรื่องที่ 1 ได้การรับรองตราสัญลักษณ์ SHA Plus หรือ Amazing Thailand Safety & Health Administration ตามมาตรฐานการให้บริการของจังหวัดภูเก็ตและการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สาขาธุรกิจรีเทลเพื่อการท่องเที่ยวชั้นนำระดับโลก เพื่อสร้างความมั่นใจในระบบสาธารณสุขด้านสุขอนามัยแบบครบวงจร
เรื่องที่ 2 “พนักงาน คิง เพาเวอร์ ภูเก็ต” ตอนนี้ทุกคนได้รับวัคซีนครบ 2 โดส เรียบร้อยแล้ว 100 % เพื่อรอปฎิบัติหน้าที่เป็นด่านหน้าให้การต้อนรับและต้องพบปะให้บริการลูกค้าหรือนักท่องเที่ยวต่างชาติ ไปพร้อมๆ การร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ ฝึกซ้อมขั้นตอนการปฏิบัติด้านสุขอนามัยอย่างเคร่งครัด
เรื่องที่ 3 “พื้นที่บริการลูกค้าภายในร้านทุกจุด” เน้นดูแลด้านสุขอนามัยเต็มรูปแบบ ทั้งการฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อ ทำความสะอาดผิวสัมผัส สินค้า และอุปกรณ์ต่าง ๆ อย่างสม่ำเสมอ
ขณะเดียวกัน “คิง เพาเวอร์ ภูเก็ต” ได้เตรียมแคมเปญพิเศษไว้มากมาย เพื่อมอบความคุ้มค่าให้นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย ชาวต่างชาติที่พำนักอยู่ในไทย (Expat) และ นักท่องเที่ยวต่างชาติ สามารถเข้ามาเลือกช้อปอย่างสะดวกสบายแบบไร้ข้อจำกัดทั้งทางหน้าร้านสาขา ทางออนไลน์ และโซเชียลมีเดีย ครบทุกช่องทางทั้ง www.kingpower.com และ King Power Official ได้แก่ Facebook, Instagram, Twitter รวมถึง Line ซึ่งมีสินค้าแบรนด์เนมหลากหลายกว่าสองหมื่นรายการทั้งดิวตี้ฟรี สินค้าไทย
https://www.matichon.co.th/publicize/news_2801765