การตรวจเช็กรถผู้คนส่วนใหญ่มักนิยมตรวจสภาพตามกำหนดและระยะทางเท่านั้น แต่หากเราต้องเดินทางไปต่างจังหวัด หรือในที่ไกลๆ เราควรจะตรวจเช็คสภาพรถเป็นอย่างดี เพราะมักจะได้เจอกับถนนที่ไม่คุ้นชินและมีความเสี่ยงต่ออุบัติเหตุก็มีมากขึ้นตามไปด้วย โดยเฉพาะเมื่อคุณต้อง
ขับรถฝนตกหนัก มีเรื่องที่ต้องระวังมากมาย โชคดีที่นอกจากนำรถเข้าศูนย์บริการแล้ว เราเองก็สามารถ
เช็ครถก่อนเดินทางไกล ได้ด้วยตัวเอง
3 เรื่องต้องรู้เพื่อเช็กรถง่าย ๆ ได้ด้วยตัวเอง
ก่อนเดินทางไกลทุกครั้งควรเช็กยางรถยนต์ให้อยู่ในสภาพพร้อมลุย เพราะยางเป็นสิ่งที่จะยึดเกาะกับถนนได้ดีที่สุด หากต้อง
ขับรถตอนฝนตกหนัก แล้วยางไม่ดีความปลอดภัยก็จะลดลง เช็กได้โดยสังเกตหน้ายางและดอกยาง หน้ายางควรมีความลึกอยู่ที่ 3 มม. และหากพบว่าความลึกไม่ถึง 1.6 มม. รวมทั้งหากเห็นว่าดอกยางสึกหรอควรรีบเปลี่ยนทันที เพราะถ้าเจอกับฝนตกแล้วยางไม่ดีประสิทธิภาพการเกาะถนนและรีดน้ำจะลดลงมาก
เมื่อต้อง
ขับรถฝนตกถนนลื่น นอกจากยางรถที่ต้องเช็กให้ดีแล้วที่ปัดน้ำฝนก็สำคัญ ถ้าพบว่ายางมีปัญหา เช่น เปิดใช้
งานแล้วเหลือคราบบนกระจกควรรีบเปลี่ยนทันที เพราะอาจจะทำให้ทัศนวิสัยลดลง ส่งผลให้เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุมากขึ้น
เรื่องสุดท้ายที่ต้องเช็กก่อนขับรถฝนตกหนักคือ ระบบเบรก (น้ำมันเบรกและผ้าเบรก) รวมถึงน้ำมันเครื่อง จุดนี้ควรดำเนินการตรวจเช็กให้อยู่ในสภาพสมบูรณ์ก่อนเดินทาง เช่น ตรวจให้น้ำมันเบรกอยู่ในระดับที่เหมาะสม และเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องเมื่อถึงกำหนดที่ควรเปลี่ยน เพราะในสภาพถนนลื่นระบบเบรกจะต้องใช้งานมากกว่าปกติ
เมื่อต้อง
ขับรถตอนฝนตกหนัก มีเทคนิคอย่างไร?
อย่างที่บอกไปแล้วว่านาอกจากการเช็ครถก่อนเดินทางไกลเมื่อถนนลื่นระบบเบรกต้องใช้งานหนักกว่าปกติ เพระาฉะนั้นสิ่งสำคัญคือการรักษาระยะห่างจากรถคันหน้าให้มากกว่าปกติเพราะระยะเบรกจะมากขึ้น และใช้ความเร็วต่ำกว่าที่เคยขับเพราะยิ่งขับรถเร็วในสภาพ ฝนตกถนนลื่น การควบคุมรถก็จะทำได้ยากขึ้น พร้อมกับสิ่งสำคัญที่สุดคือเราต้องมีสติตลอดการขับขี่ ใช้ไฟต่ำเพื่อเพิ่มระยะการมองเห็น เมื่อทำได้ตามนี้โอกาสเกิดอุบัติเหตุจะลดลงได้อย่างแน่นอน
หากคุณ เช็ครถก่อนเดินทางไกล แล้วพบว่ารถคุณถึงเวลาต้องเปลี่ยนยาง และหากยังไม่รู้ว่าจะเลือก ยางรถยนต์ ยี่ห้อไหนดี แนะนำให้ลองเลือกเป็นยางคุณภาพจากบริดจสโตน เพราะเป็นหนึ่งในแบรนด์ที่ได้รับการยอมรับในระดับโลก เป็นยางซึ่งเหมาะกับถนนเมืองไทย ขับได้ดีทั้งถนนเปียกและถนนแห้ง โดยผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้เปลี่ยนยางทุก 50,000 กิโลเมตร เมื่อครบระยะแล้วต้องเปลี่ยนเลยยางรถมีผลโดยตรงกับความปลอดภัยจึงเป็นสิ่งที่เจ้าของรถทุกคันไม่ควรมองข้าม