หน้า: 1

ชนิดกระทู้ ผู้เขียน กระทู้: ปธน.วอชิงตันเกือบได้เป็นกษัตริย์สหรัฐอเมริกา  (อ่าน 11 ครั้ง)
add
เรทกระทู้
« เมื่อ: 29 ก.ย. 22, 09:22 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
Send E-mail

แบ่งปันกระทู้นี้ให้เพื่อนคุณอ่านไหมคะ?

ปิดปิด
 
ปธน.วอชิงตันเกือบได้เป็นกษัตริย์สหรัฐอเมริกา
AREA แถลง ฉบับที่ 707/2565: วันอังคารที่ 27 กันยายน 2565

ผู้แถลง: ดร.โสภณ พรโชคชัย
ประธาน ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย
บจก.เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส sopon@area.co.th https://www.facebook.com/dr.sopon4
ในโอกาสที่ผมได้ไปเยือนกรุงวอชิงตันอีกครั้งในช่วงวันที่ 9-11 กันยายน 2565 ผมจึงขอเขียนถึงประธานาธิบดีคนแรกของสหรัฐอเมริกาคือนาย “จอร์จ วอชิงตัน”

หลายคนคงทราบว่า “จอร์จ วอชิงตัน” คือประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา คนที่ 1 ตรงกับในสมัยรัชกาลที่ 1 หลังสถาปนากรุงเทพมหานคร 7 ปี แต่บางคนอาจไม่ทราบว่าท่านเคยเกือบได้เป็นกษัตริย์แห่งประเทศสหรัฐอเมริกา เกือบมีราชวงศ์วอชิงตันมาเจริญสัมพันธไมตรีกับราชวงศ์จักรีแล้ว แต่ท่านไม่รับ


วอชิงตันเกิดเมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2275 (ในสมัยกรุงศรีอยุธยาของไทย) และเสียชีวิตตอนอายุ 67 ปี เป็นคนรูปร่างสูงอย่างเห็นได้ชัด เขาสูง 6 ฟุต 2 นิ้ว หรือ 188 เซนติเมตร ไหล่แคบ อาจมีลักษณะลำตัวส่วนบนกลมหนา สะโพกกว้าง เป็นผู้นำทางทหารและการเมืองที่โดดเด่นของสหรัฐอเมริกาที่เพิ่งก่อตั้งขึ้น ระหว่าง ค.ศ. 1775 ถึง 1799 เขานำสหรัฐจนได้รับชัยชนะเหนืออังกฤษในสงครามปฏิวัติอเมริกันในช่วงปี 2318 - 2326 และรับผิดชอบการร่างรัฐธรรมนูญในปี 2330 เขาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีคนแรกของสหรัฐอเมริกา ในช่วงปี 2332-2340

หลังจากรบชนะอังกฤษแล้ว ในปี 2326 (หลังตั้งกรุงเทพมหานคร 1 ปี) กองทหารของอาณานิคมสหรัฐอเมริกาซึ่งกลายเป็นประเทศใหม่แล้ว มีความคิดที่จะขอให้วอชิงตันเป็นกษัตริย์องค์ใหม่ของสหรัฐอเมริกา เพราะในยุคสมัยนั้นประเทศต่างๆ ก็มีประมุขเป็นกษัตริย์เป็นส่วนใหญ่ แต่วอชิงตันไม่มีความปรารถนาเช่นนั้น หาไม่คงมี “ราชวงศ์วอชิงตัน” ในสหรัฐอเมริกา ท่านมองว่าระบบสาธารณรัฐที่เลือกผู้แทนมาบริหารประเทศ มีประมุขเป็นประธานาธิบดี น่าจะเหมาะสมกว่าการมีผู้นำเพียงบุคคลเดียว

มีเรื่องเล่ากันว่าสมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 3 แห่งอังกฤษตรัสถามวอชิงตันว่าจะทำอะไรต่อไป และทรงได้รับข่าวลือมาว่าวอชิงตันจะกลับไปยังบ้านไร่ของตนเอง ทำให้มีพระราชกระแสในทันทีว่า “ถ้าเขาทำเช่นนั้น เขาจะเป็นผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก” ซึ่งวอชิงตันก็ได้กลับไปใช้ชีวิตสมถะอย่างชาวไร่จริง ๆ ที่เมานต์เวอร์นอน ซึ่งก็เป็นจริงตามนั้นวอชิงตันมีฐานะทางประวัติศาสตร์เด่นล้ำเหนือกษัตริย์สุดยิ่งใหญ่แห่งจักรวรรดินิยมอังกฤษเสียอีก

ในช่วงวัยหนุ่ม วอชิงตันทำงานเป็นเจ้าหน้าที่สำรวจที่ดิน เขาได้ความรู้เกี่ยวกับภูมิประเทศถิ่นฐานบ้านเกิดของเขาอย่างประเมินค่ามิได้ พี่ชายคนโตของเขาแต่งงานกับครอบครัวแฟร์แฟ็กซ์ และได้รับวอชิงตันไปอุปถัมป์เลี้ยงดูโดย โธมัส แฟร์แฟ็กซ์, ลอร์ด แฟร์แฟ็กซ์ที่ 6 แห่งคาเมรอน ในช่วงกลางเดือนกรกฎาคม พ.ศ.2292 ขณะนั้นวอชิงตันอายุได้ 17 ปีเขาได้รับแต่งตั้งให้ทำงานสาธารณะเป็นครั้งแรกโดยเป็นผู้สำรวจรังวัดที่ดิน ในเขตคัลเปเปอร์เคาท์ตี้ที่เพิ่งตั้งขึ้นใหม่ ในชายแดนของรัฐอาณานิคม

วอชิงตันเริ่มทำอาชีพเจ้าหน้าที่สำรวจที่ดิน ซึ่งนักประวัติศาสตร์ชี้ว่าเขามีทาสในครอบครอง 20 คนหรืออาจจะมากกว่านั้น พ.ศ.2291 เขาได้รับเชิญให้ไปช่วยรังวัดที่ดินของลอ์ด แฟร์แฟ็กซ์ อยู่ทางตะวันตกของเทือกเขาบลูริดจ์ วอชิงตันยังเป็นนักเก็งกำไรในที่ดินอีกด้วย การที่วอชิงตันได้แต่งงานกับแม่หม้ายที่มีฐานะ ทำให้เขามีสมบัติและสถานะทางสังคมที่สูงยิ่งขึ้น เขาได้ที่ดินหนึ่งในสามของ 18,000 เอเคอร์ (73 ตารางกิโลเมตร) และได้รับส่วนที่เหลือในนามของลูกๆ ของมาร์ธา เขาได้ซื้อที่ดินเพิ่มเติมโดยเงินส่วนตัวในที่ซึ่งปัจจุบันคือ รัฐเวสต์เวอร์จิเนีย อันเป็นผลจากการปฏิบัติหน้าที่ในการรบในสงครามกับฝรั่งเศสและชาวอินเดียแดง ในปี 2318 เขาได้มีที่ดินรวม 6,500 เอเคอร์ (26 ตารางกิโลเมตร) และมีทาสกว่า 100 คน ทำให้เขาเป็นวีรบุรุษจากสมรภูมิและเป็นเจ้าของที่ดินรายใหญ่

สภาคองเกรสที่ 1 ได้ออกเสียงอนุมัติเงินเดือนของวอชิงตันที่ปีละ 25,000 ดอลลาร์ ซึ่งจัดว่ามีมูลค่ามากในขณะนั้น แต่เนื่องด้วยวอชิงตันได้เป็นผู้มีฐานะอยู่แล้ว จึงปฏิเสธที่จะรับเงินเดือนเพราะเขาเห็นว่าการเข้ารับตำแหน่งเป็นการทำงานรับใช้ประเทศอย่างไม่เห็นแก่ตน แต่ด้วยการหว่านล้อมของสภาฯ เขาจึงได้ยอมรับเงินเดือนนั้น แต่ภายหลังจากที่ออกจากตำแหน่งประธานาธิบดีในเดือนมีนาคม ปี 2340 วอชิงตันกลับไปยังเมานต์เวอร์นอน เขาให้เวลากับการทำการเกษตร

แม้วอชิงตันจะนำพาประเทศไปสู่ระบอบสาธารณรัฐที่สร้างความเท่าเทียมกันของประชาชน และไม่ยอมรับระบอบกษัตริย์ แต่ก็ยังไม่มีการเลิกทาส วอชิงตันและคณะในสมัยนั้นเห็นความเท่าเทียมกันของประชาชน (ผิวขาว) แต่ยังมีทาสผิวดำอยู่ ที่บ้านของวอชิงตันก็มีทาส ท่านก็ยังเคยซื้อทาสในสมัยดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีในปี 2332 แต่ท่านก็มีความเห็นว่าการมีทาสเป็นสิ่งที่ไม่สมควร อย่างไรก็ตามระบบทาสในสหรัฐอเมริกาเลิกไปในสมัยประธานาธิบดีลินคอล์น ในปี 2408 หรืออีก 66 ปีหลังวอชิงตันเสียชีวิต

การสถาปนาระบอบสาธารณรัฐและยกเลิกระบอบกษัตริย์ในสหรัฐอเมริกา จึงเป็นการเปิดศักราชใหม่ของการปกครองในยุคสมัยใหม่โดยประธานาธิบดีจอร์จ วอชิงตัน และทำให้เขามีชื่อเสียงเป็นอมตะ



ภาพประกอบ

noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า

กระทู้ฮอตในรอบ 7 วัน

Tags:  ปธน.วอชิงตันเกือบได้เป็นกษัตริย์สหรัฐอเมริกา 

หน้า: 1

 
ตอบ

ชื่อ:
 
แชร์ไป Facebook ด้วย
กระทู้:
ไอค่อนข้อความ:
ตัวหนาตัวเอียงตัวขีดเส้นใต้จัดย่อหน้าชิดซ้ายจัดย่อหน้ากึ่งกลางจัดย่อหน้าชิดขวา

 
 

[เพิ่มเติม]
แนบไฟล์: (แนบไฟล์เพิ่ม)
ไฟล์ที่อนุญาต: gif, jpg, jpeg
ขนาดไฟล์สูงสุดที่อนุญาต 20000000 KB : 4 ไฟล์ : ต่อความคิดเห็น
ติดตามกระทู้นี้ : ส่งไปที่อีเมลของสมาชิกสนุก
  ส่งไปที่
พิมพ์อักษรตามภาพ:
พิมพ์ตัวอักษรที่แสดงในรูปภาพ
 
:  
  • ข้อความของคุณอยู่ในกระทู้นี้
  • กระทู้ที่ถูกใส่กุญแจ
  • กระทู้ปกติ
  • กระทู้ติดหมุด
  • กระทู้น่าสนใจ (มีผู้ตอบมากกว่า 15 ครั้ง)
  • โพลล์
  • กระทู้น่าสนใจมาก (มีผู้ตอบมากกว่า 25 ครั้ง)
         
หากท่านพบเห็นการกระทำ หรือพฤติกรรมใด ๆ ที่ไม่เหมาะสม ซึ่งอาจก่อให้เกิดความเสื่อมเสียแก่สถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ รวมถึง การใช้ข้อความที่ไม่สุภาพ พฤติกรรมการหลอกลวง การเผยแพร่ภาพลามก อนาจาร หรือการกระทำใด ๆ ที่อาจก่อให้ผู้อื่น ได้รับความเสียหาย กรุณาแจ้งมาที่ แนะนำติชม