รายงานล่าสุดโดยอะมาดิอุส (Amadeus) บริษัทเทคโนโลยีชั้นนำสำหรับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวทั่วโลก และนอร์ทสตาร์ รีเสิร์ช พาร์ทเนอร์ส (Northstar Research Partners) บริษัทวิจัยระดับโลก ได้นิยามเทรนด์นักเดินทางใหม่ แบ่งเป็น 4 กลุ่มนักเดินทาง (Traveler Tribes) ที่จะกลายเป็นเทรนด์ท่องเที่ยวสำคัญในทศวรรษหน้า
สรุปเทรนด์กลุ่มนักเดินทางใหม่ในอนาคต ซึ่งมาจากผลสำรวจนักเดินทางทั่วโลกกว่า 10,000 คนใน 14 ประเทศ รวมถึงการสัมภาษณ์ผู้เชี่ยวชาญ การรวบรวมข้อมูล 5.8 ล้านจุด และการประยุกต์ใช้เทคนิคการแบ่งกลุ่มเชิงจิตวิทยา
ผลสำรวจพบว่า 50% ของคนไทยเป็นนักเดินทางที่พร้อมบุกเบิกประสบการณ์ใหม่ (Pioneering Pathfinders) ที่มีไลฟ์สไตล์เร่งรีบและมักมองหาการผจญภัยครั้งต่อไปอยู่เสมอ
การท่องเที่ยวระหว่างประเทศเดินหน้าฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง เห็นได้จากตัวเลขของนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นจาก 175 ล้านคนในปี 2564 เป็น ประมาณ 474 ล้านคน ในช่วงเดือนมกราคม ถึง กรกฎาคม 2565
แล้วแนวโน้มการเดินทางในอีก 10 ปีข้างหน้าหรือในปี 2576 จะเป็นอย่างไร? อะมาดิอุส (Amadeus) บริษัทเทคโนโลยีชั้นนำสำหรับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวทั่วโลก และนอร์ทสตาร์ รีเสิร์ช พาร์ทเนอร์ส (Northstar Research Partners) บริษัทวิจัยระดับโลก ได้ร่วมกันจัดทำรายงานการสำรวจระดับโลก Traveler Tribes 2033 ซึ่งเป็นรายงานฉบับที่สามในโครงการศึกษาวิจัยที่เผยแพร่ครั้งแรกปี 2550 โดยรายงานฉนับล่าสุดที่ระบุถึงเทรนด์กลุ่มนักเดินทาง (Traveler Tribes) 4 กลุ่ม ที่คาดว่าจะเป็นเทรนด์ท่องเที่ยวสำคัญในอีก 10 ปีข้างหน้า โดยพิจารณาจากปัจจัยต่าง ๆ ได้แก่ การเปลี่ยนแปลงในอนาคตที่จะส่งผลกระทบต่อการเดินทาง ควบคู่ไปกับลักษณะนิสัย พฤติกรรม และความชอบของนักเดินทางเหล่านี้ เพื่อทำความเข้าใจว่านักเดินทางต้องการอะไรในอีกสิบปีนับจากนี้
รายงาน Traveler Tribes 2033 คาดการณ์ว่านักเดินทางจำนวนมากจะเปิดรับเทคโนโลยีใหม่ ๆ และต้องการที่จะเดินทางด้วยวิธีที่ยั่งยืนมากขึ้น แต่เนื่องจากนักเดินทางบางคนมีข้อกังวลเกี่ยวกับเทคโนโลยีต่าง ๆ ที่เพิ่มจำนวนมากขึ้นอย่างรวดเร็ว รวมถึงความต้องการด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์และการให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัวของข้อมูลที่เพิ่มขึ้น ทุกฝ่ายในอุตสาหกรรมการเดินทางจึงต้องทำงานร่วมกันเพื่อให้แน่ใจว่านักเดินทางทุกคนจะได้รับประโยชน์จากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี
แนวทางเชิงจิตวิทยาในรายงานผลสำรวจล่าสุดนี้มิได้ใช้วิธีการแบ่งเทรนด์นักเดินทางแบบดั้งเดิมที่ยังมีข้อจำกัด แต่ได้ระบุถึง 4 กลุ่มนักเดินทางที่จะกลายเป็นเทรนด์ท่องเที่ยวสำคัญในปี 2576 ดังต่อไปนี้
นักเดินทางที่แสวงหาความตื่นเต้น (Excited Experientialists) - จำนวน 23% ของคนไทยอยู่ในกลุ่มนี้และมีแนวการใช้ชีวิตและการเดินทางแบบ 'ลองทำดูก่อน' (try it and see) โดย 44% ของนักเดินทางกลุ่มนี้ทั่วโลกไม่มีลูกและมีรายได้ระดับกลางถึงสูง อีกทั้งยังมีวิถีการทำงานที่ยืดหยุ่น ซึ่งช่วยให้พวกเขาสามารถออกไปเดินทางสำรวจโลกได้อย่างง่ายดาย พวกเขานิยมวิธีการแบบ You Only Live Once (YOLO) (โอกาสที่จะใช้ชีวิตมีแค่ครั้งเดียว ควรใช้ให้คุ้ม) และมีแนวโน้มที่จะทำตามสัญชาตญาณมากกว่านักเดินทางกลุ่มอื่น ทำให้พวกเขาเป็นนัก 'ต่อต้านการวางแผน' แห่งปี 2576 ทั้งยังชอบเปิดรับประสบการณ์การเข้าพักที่คาดเดาไม่ได้หรือไม่ได้วางแผนไว้ รวมถึงมีความน่าตื่นเต้นมากกว่าที่พักทั่วไป พวกเขายังเปิดรับเทคโนโลยีที่ช่วย 'เพิ่มความเร็ว' ในบางแง่มุมของการเดินทาง โดยหลายคนคาดหวังว่าจะใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่สนามบินด้วย
นักเดินทางที่ต้องการสร้างความทรงจำสุดประทับใจ (Memory Makers) - มีคนไทยเพียง 12% เท่านั้นที่อยู่ในกลุ่มนี้ นักเดินทางกลุ่มนี้มีเป้าหมายและสไตล์การท่องเที่ยวที่เรียบง่ายกว่า นั่นคือการสร้างความทรงจำและเยี่ยมชมสถานที่ต่าง ๆ โดย 44% ของนักเดินทางกลุ่มนี้ทั่วโลกมีอายุ 42 ปีขึ้นไปและมีพฤติกรรมเฉพาะตัวในการเดินทาง พวกเขามองว่าอนาคตเป็นสิ่งที่น่ากังวลและให้ความสำคัญกับผู้คนเป็นอันดับแรก และให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีและความยั่งยืนรองลงมา พวกเขารู้สึกมั่นใจและอุ่นใจกับวิธีการเดิม ๆ อย่างไรก็ตาม แม้พวกเขาจะกังวลเกี่ยวกับเทคโนโลยี แต่ก็ยังรู้สึกตื่นตาตื่นใจกับทัวร์ชมตัวอย่างด้วยเทคโนโลยีความเป็นจริงเสมือน (Virtual reality: VR) และความเป็นจริงเสริม (Augmented Reality: AR) โดยคาดว่านักเดินทางกลุ่มนี้ส่วนใหญ่จะใช้ทัวร์ชม VR ก่อนจะตัดสินใจซื้อทัวร์
นักเดินทางที่ชอบใช้เทคโนโลยีในการท่องเที่ยว (Travel Tech-fluencers) - จำนวน 15% ของคนไทยจัดอยู่ในกลุ่มนี้ ซึ่งรวมถึงนักเดินทางเพื่อธุรกิจรุ่นใหม่ในปัจจุบันที่มีมุมมองการใช้ชีวิตที่พร้อมปรับเปลี่ยนไปกับอนาคต โดย 48% ของนักเดินทางกลุ่มนี้ทั่วโลกมีอายุต่ำกว่า 32 ปี และมุมมองของพวกเขาปรับไปตามอุปกรณ์และเทคโนโลยีต่าง ๆ ที่พวกเขามีและใช้อยู่ อย่างไรก็ตาม พวกเขาอาจยังไม่แน่ใจเมื่อพูดถึงสิ่งที่ทำให้ตื่นเต้นและกังวลเกี่ยวกับอนาคตของเทคโนโลยีและการเดินทาง แม้หลายคนต้องการเดินทางอย่างยั่งยืน แต่ดูเหมือนว่าพวกเขาจะให้ความสำคัญกับวิธีเดินทางเพื่อความยั่งยืนมากกว่าที่พักเพื่อความยั่งยืน
รายงานล่าสุดโดยอะมาดิอุส (Amadeus) บริษัทเทคโนโลยีชั้นนำสำหรับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวทั่วโลก และนอร์ทสตาร์ รีเสิร์ช พาร์ทเนอร์ส (Northstar Research Partners) บริษัทวิจัยระดับโลก ได้นิยามเทรนด์นักเดินทางใหม่ แบ่งเป็น 4 กลุ่มนักเดินทาง (Traveler Tribes) ที่จะกลายเป็นเทรนด์ท่องเที่ยวสำคัญในทศวรรษหน้า
สรุปเทรนด์กลุ่มนักเดินทางใหม่ในอนาคต ซึ่งมาจากผลสำรวจนักเดินทางทั่วโลกกว่า 10,000 คนใน 14 ประเทศ รวมถึงการสัมภาษณ์ผู้เชี่ยวชาญ การรวบรวมข้อมูล 5.8 ล้านจุด และการประยุกต์ใช้เทคนิคการแบ่งกลุ่มเชิงจิตวิทยา
ผลสำรวจพบว่า 50% ของคนไทยเป็นนักเดินทางที่พร้อมบุกเบิกประสบการณ์ใหม่ (Pioneering Pathfinders) ที่มีไลฟ์สไตล์เร่งรีบและมักมองหาการผจญภัยครั้งต่อไปอยู่เสมอ
การท่องเที่ยวระหว่างประเทศเดินหน้าฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง เห็นได้จากตัวเลขของนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นจาก 175 ล้านคนในปี 2564 เป็น ประมาณ 474 ล้านคน ในช่วงเดือนมกราคม ถึง กรกฎาคม 2565
แล้วแนวโน้มการเดินทางในอีก 10 ปีข้างหน้าหรือในปี 2576 จะเป็นอย่างไร? อะมาดิอุส (Amadeus) บริษัทเทคโนโลยีชั้นนำสำหรับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวทั่วโลก และนอร์ทสตาร์ รีเสิร์ช พาร์ทเนอร์ส (Northstar Research Partners) บริษัทวิจัยระดับโลก ได้ร่วมกันจัดทำรายงานการสำรวจระดับโลก Traveler Tribes 2033 ซึ่งเป็นรายงานฉบับที่สามในโครงการศึกษาวิจัยที่เผยแพร่ครั้งแรกปี 2550 โดยรายงานฉนับล่าสุดที่ระบุถึงเทรนด์กลุ่มนักเดินทาง (Traveler Tribes) 4 กลุ่ม ที่คาดว่าจะเป็นเทรนด์ท่องเที่ยวสำคัญในอีก 10 ปีข้างหน้า โดยพิจารณาจากปัจจัยต่าง ๆ ได้แก่ การเปลี่ยนแปลงในอนาคตที่จะส่งผลกระทบต่อการเดินทาง ควบคู่ไปกับลักษณะนิสัย พฤติกรรม และความชอบของนักเดินทางเหล่านี้ เพื่อทำความเข้าใจว่านักเดินทางต้องการอะไรในอีกสิบปีนับจากนี้
อ่านข่าวฉบับเต็มได้ที่
https://www.thaipr.net/travel/3300265