คือตอนนี้คู่กรณี แต่งเรื่องให้การกับตำรวจ ขัดกับภาพจากกล้องวงจรปิด อย่างมาก

หาว่า มีการทะเลาะกันก่อนด้วย แล้วหมอมุกก็กระโดดขึ้นมาบนฝากระโปรงรถ จนมือไปคว้าที่ปัดน้ำฝนไป2อัน

ทหารคนนั้นอ้างว่า ตัวเอง ตกใจ!!ที่หมอมุกกระโดดขึ้นมาบนรถ เลยบึ่งรถอย่างแรง จนหมอตกลงมา!??

------------------


สมมุติ !! ตอนหลัง นายทหารนายนี้ต้องจำนนต่อหลักฐาน จนต้องรับสารภาพ

คุณว่า นายทหารยศพันเอก คนนี้ สมควรโดนโทษหนักขนาดไหน??

เพราะ

1. มีการจอดเฝ้ารอดูหมอ (เหยื่อ) เรียกว่า ไตร่ตรองไว้ก่อน (จากกล้องวงจรปิด)

2. ขับชนหมอมุก กระเด็นไปไกลร่วมๆ30เมตร มีคนเห็นเหตุการณ์มากมาย

3. เป็นถึงนายทหารระดับสูง เป็นเจ้าหน้าที่รัฐแต่ทำความผิดเสียเอง

4. นำรถหลวงมาใช้ก่อเหตุ รถหลวงควรมีไว้ทำงานเพื่อราชการ ไม่ใช่มีไว้ขับไปดื่มเหล้า

5. ทำผิด แล้วยัง หน้าตัวเมีย กล้าทำแต่ไม่กล้ารับ ยังปฏิเสธว่าไม่มีเจตนาจะชน นี่หรือชายชาติทหาร ถุย!!!

6. เหยื่อคือ หมอมุกเป็นผู้ที่สร้างความดีความชอบแก่ชาติและประชาชน เสียสละลงไปช่วยเหลือราชการที่3จังหวัดใต้มาแล้ว และยังทำเรื่องจะขอลงไปอีกครั้ง หมอมุกนี่แหล่ะคือลูกผู้หญิงชาติทหารตัวจริง!!


ถ้าหมอมุก รอดชีวิตต่อไปได้ สมองกระทบกระเทือนหนักขนาดนั้นก็อาจถึงขั้นต้องพิการไปตลอดชีวิต



ว่าแต่ คนที่มามอบตัวเนี่ย ใช่คนที่กระทำผิดจริงๆหรือเปล่า??


แล้วถ้าคดีนี้ไม่เป็นข่าวออกสื่อ ตำรวจไทยก็คงปล่อยให้คดีเงียบต่อไปใช่มั้ย??

เป็นกำลังใจให้คุณหมอและคุณแม่คุณหมอครับ

เกรงอยู่เหมือนกันว่าจะถูกต้ดสินให้แก่ตาย
งานนี้ต้องวัดใจผู้บังคับบัญชาสูงสุดของทั้งสองฝ่าย
(ซึ่งเป็นคนเดียวกัน) ที่แสดงออกเสมอว่า
ให้ความรัก ความสำคัญกับกำลังพลทุกท่าน
โปร่งใส ซื่อตรง เด็ดขาด(สังเกตุจากการให้สัมภาษณ์นักข่าว)
ว่าจะช่วยนำผู้ก่อเหตุ(ตัวจริงๆ)มาเข้าสู่กระบวนการได้หรือไม่
ลำพังตำรวจคงไม่สามารถทำอะไรได้เต็มที่หรอก
แค่เข้าไปในค่ายยังยากเลย ถ้า ตร ขยายการสืบสวนไม่ได้
หรือลำบาก ไปต่อไม่ได้ การพิจารณาคดีในชั้นศาลคงไม่เกิด

เห็นด้วยอย่างมากคือ.....ประหารชีวิตสถานเดียว

จากประสบการณ์แว้นมาเกือบ 10 ปี ขอบอกเลยว่า มีการชนโดยเจตนาครับ คือประมาณว่าอารมณ์พาไป เพราะเคยไปมีปัญหากับรถยนต์มาแล้ว มันพยายามขับไล่ชนเลยล่ะ แต่ใน กทม. รถติด มันเลยตามไม่ทันไม่อย่างนั้นเน่าไปแล้ว สรุปครับงานนี้ อารมณ์(ร้าย)ล้วน ๆ ครับ

การลงโทษประหารชีวิตก็ไม่สมกับการกระทำที่ตังใจหรอกอย่างนี้ตองไห้เขาโดนกับเขาเองโดยเป็นคนที่เขารักๆๆโดนอย่างหมอมุกประมาณสัก10ครั้งๆๆถึงสาแก่ใจ555555

ขอย้ำ " ตำรวจอย่าหลงทาง " พยายามฆ่าชัดเจน

ขอเป็นกำลังใจให้หมอมุกหายไวๆๆนะคะ

ถ้าผลออกมาแล้วว่าเขาผิดจริง เขาก็คงไปติดคุกทหารแหละครับ เพราะเขาคงจะอ้างว่าเป็นเรื่องของ ทหารกับทหาร ซึ่งถ้าไปติดคุกทหาร ก็อาจจะเป็นไปได้ว่าไม่ติดคุกจริงเพราะมีอำนาจมืดช่วย เศร้าใจกับสังคมในปัจจุบัน อยากให้โลกแตกไวๆจัง

ก็ช่วยกันอธิษฐานให้บุคคลที่เกี่ยวข้องกับการทำคดีนี้มีความซื่อสัตย์และยุติธรรมไม่เข้าข้างพวกเดียวกันหรือสีเดียวกันเพราะผู้ก่อเหตุเป็นบุคคลอันตรายอย่างมากทำได้ขนาดนี้ถือว่าเป็นคนที่มีจิตใจต่ำช้าและโหด***มเกินมนุษย์ จริงๆแล้วคนประเภทนี้ที่อยู่ในหน้าที่การงานแบบนี้ทั้งสีเขียวและสีกากีคงมีอีกเยอะแยะเพียงแต่ในบางกรณีมันไม่เป็นข่าวดังขึ้นมาเรื่องมันก็จะเงียบไปโดยไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น อย่างกรณีง่ายๆที่เกิดขึ้นอยู่ดาษดื่นเรื่องการนำของหลวงหรือของกลางมาใช้ส่วนตัวเช่นรถยนต์ของหลวงหรือรถยนต์ของกลางที่ไปจับมาได้และยังไม่ส่งคืนให้เจ้าของ ก็จะนำมาให้ลูกเมียใช้เป็นการส่วนตัวบางทีก็จะสวมทะเบียนปลอมบ้าง ไม่ติดป้ายวงกลมบ้างแต่ก็จะมียันต์กันผีคือบัตรประจำตัวข้าราชการเพราะเวลาโดนเรียกก็จะโชว์บัตรนี้ว่าข้าคือลูกหรือเมียหรือใครก็แล้วแต่ของคุณคนที่มีหน้าโชว์อยู่บนบัตรนั้นๆ พอเจอพวกเดียวกันก็จะเอื้ออำนวยความสะดวกให้กันเพราะถือว่าพวกเดียวกัน ถ้าเป็นประชาชนคนธรรมดาที่ไม่มีคุณบัตรพวกนี้ไว้ป้องกันตัวก็ไม่มีสิทธิ์รอดออกมาได้ฟรีๆ แล้วอย่างนี้จะให้มั่นใจได้อย่างไรว่าสุดท้ายจริงๆคนร้ายที่จับได้จะไม่ใช่แพะ

จ่ายเงินไป จ่ายตำรวจ กะคนเจ็บ งานนี้ไม่มีคุกหรอก คนไทยที่ซวยสุดๆๆ ครับ ไปเจอมังกรบนถนน มันก็แค่นี้

ประหารสิครับ ประหารใจคอโหดร้ายจะเก็บไว้ให้ขับไล่ฆ่าคนอื่นอีกหรือ

ในอดีตการชุมนุมเรียกร้องแต่ละครั้งก็มาจากเจ้าหน้าที่บางคนลุแก่อำนาจทำให้เกิดเหตุการณ์ทำนองน้ำผึ้งหยดเดียว

ทหารที่ดีก็มีมากมายแต่กรณีนี้ผมว่าแพะมากกว่าครับ เพราะยังไงทหารใหญ่คับประเทศครับ...

ที่มามอบตัวนี่สงสัยจะเอาที่ปัดน้ำฝนคืนครับ

สรุป.......แล้วเด๋วข่าวก็จะเงียบไปตามระเบียบ.....อีกเหมือนเคยแหละคับอย่าไปบอกให้ติดคุกตลอดชีวิตหรือประหารเลย
ดูอย่างกรณี.....รถตู้บนทางด่วนก็ได้

ไม่ตั้งใจครับ แค่ขับๆ ก็มีคนกระโดดใส่รถครับ

1. รถคู่กรณี(พันเอก)จอดรถปิดทางเข้าบ้านหมอมุกจริง
2. หมอมุกจอดรถปิดกั้นการย้ายรถของคู่กรณีจริง โดยการดึงเบรกมือ(โดยตั้งใจหรือไม่ทราบได้
เพราะบางคนชอบจอดรถโดยดึงเบรกมือไว้) นี่คือสาเหตุของเรื่องราวที่เกิดขึ้น
3. เกิดความไม่พอใจของคู่กรณี กรณีจอดรถปิดโดยดึงเบรกมือไว้ โดยเขียนระบายใส่กระจกที่รถหมอมุก
4. หมอมุกออกมาจากบ้านพร้อมจะย้ายรถเข้าบ้าน มาเจอคู่กรณีพอดี ก้อเลยต่อว่ากันเล็กน้อย(ไม่รู้ใครเริ่มก่อนเพราะ ต่างคนต่างอยู่ในอารมณ์ร้อน และอาจจะมีการลงมือทุบรถกันด้วย
5. คู่กรณีคงไม่พอใจหมอมุกก้อเลย ขับรถวนมาจะมาต่อว่าอีกรอบ(กรณีจอดรถดึงเบรกมือไว้หรือเอามือทุบท้ายรถ)
6. หมอมุกคงมาสำรวจรถประจวบกับหมอมุกไปเจอลายมือเขียนด่าตรงกระจกรถพอดีหมอมุกคงสำรวจจนถึงด้านหลังรถ(ดูจากวีดีโอ)แล้วพอดีประจวบเหมาะรถคู่กรณีวนมาอีกรอบด้วยความโกรธของทั้ง 2 ฝ่าย คงทะเลาะกันอีกรอบ(ไม่ลูกสาวหรือเมียพันเอกคงเปิดกระจกไปต่อว่าหมอมุก)
7. หมอมุกคงเดินมาต่อว่าคู่กรณี โดยเดินมาฝั่งคนขับเพื่อสอบถาม แต่คู่กรณีคงไม่จอดรถคงจะขับรถออกไป หมอมุกคงคว้าที่ปัดน้ำฝนฝั่งขวาเอาไว้ แล้วรถก้อคงวิ่งลากหมอมุกไปประมาณ 30 เมตร แล้วหมอมุกคงหล่นพร้อมกับที่ปัดน้ำฝน พอดีศีรษะหมอมุก คงไปกระแทกพื้นถนนหรือขอบฟุตบาทเพราะแรงเหวี่ยงของรถ ทำให้หมอมุกโวยวายอีก 3 วินาที แล้วจึงสลบไป(ตามคำบอกเล่าของวินมอเตอร์ไซค์) บาดแผลของหมอมุกจะมีแค่ศีรษะเท่านั้นจากคำสัมภาษณ์ ของแพทย์
8.คู่กรณีเห็นหมอมุกหล่นลงจากรถคงตกใจ ก้อเลยเบรกรถ และถอยหลัง แล้วหักหลบออกไปกลัวความผิด ก็เลยปิดไฟรถรีบขับรถกลับบ้าน
สังคมจะมองว่าพ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ ภู่กลั่น ไม่น่าใช่เพราะบุคลิกแก่แล้วและอารมณ์ไม่ร้อนแรง แต่นี่คืนอารมณ์โกรธของทั้ง 2 ฝ่าย ที่ทำให้เกิดเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น
สำหรับหมอมุก
1.ทำไมชอบเอารถมาจอดขวางทางเข้าบ้าน
2.รอนานมากประมาณ 40 นาที กว่าจะมาย้ายรถออกไปทำให้หมอมุกตั้งใจหรือไม่ทราบได้ก้อเลยจอดรถขนานกับรถพ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ ภู่กลั่นโดยดึงเบรกมือไว้ แล้วไปทำธุระที่ในบ้าน
3.มาจอดรถขวางหน้าบ้านเขาแล้วยังมาเขียนด่าที่กระจกรถเขาอีกเหรอ
สำหรับครอบครัว พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ ภู่กลั่น
1. เมื่อร้านอาหารมาบอกให้ย้ายรถคนในในครอบครัวพ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ ภู่กลั่นหรือตัวพ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ ภู่กลั่นบอกว่า เดี๋ยวทานเสร็จค่อยย้าย เพราะเป็นที่จอดรถรถสาธารณะ ประเภทว่าคนอื่นก้อจอดกันได้ หรือ พวกเราไม่ได้ดึงเบรกมือก้อเข็นเองได้
2. หลังจากทานอาหารเสร็จเพื่อจะกลับบ้าน รถหมอมุกจอดลักษณะขนานไม่สามารถย้ายรถออกได้ คนในในครอบครัวพ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ ภู่กลั่นก้อเลยหาวิธีย้ายรถโดย เข็นรถคันหน้าเอง ด้วยความโมโห เลยอยากด่าเจ้าของรถ โดยการเขียนคำด่าที่กระจกข้างรถ ก่อนออกรถกลับบ้านประจวบเหมาะกับหมอมุกออกมาพอดีเพื่อย้ายรถ ทั้ง 2 ฝ่ายคง ทะเลาะกันเล็กน้อย และอาจจะมีการลงมือทุบรถกันด้วย
3. ด้วยแรงเชียร์ของครอบครัวพ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ ภู่กลั่น เอง และอารมณ์โมโหที่โดนทุบรถ พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ ภู่กลั่นและครอบครัวก้อเลยวนรถเพื่อไปถามหมอมุกอีกรอบ(ลักษณะการกลับรถไม่ได้รีบร้อนมากไปจอดท้ายรถหมอมุกและหมอมุกคงสำรวจความเสียหายของรถที่ท้ายรถพอดี(ดูจากกล้อง) ประจวบกับหมอมุกโกรธที่ไปเจอเขียนด่าที่กระจกข้างรถแล้วคู่กรณีวนรถมาอีกรอบทำให้หมอมุกคงเดินมาต่อว่าคู่กรณี โดยเดินมาฝั่งคนขับเพื่อสอบถาม แต่คู่กรณีคงไม่จอดรถคงจะขับรถออกไป หมอมุกคงคว้าที่ปัดน้ำฝนฝั่งขวาเอาไว้ แล้วรถก้อคงวิ่งลากหมอมุกไปประมาณ 30 เมตร แล้วหมอมุกคงหล่นพร้อมกับที่ปัดน้ำฝน พอดีศีรษะหมอมุก คงไปกระแทกพื้นถนนหรือขอบฟุตบาทเพราะแรงเหวี่ยงของรถ ทำให้หมอมุกโวยวายอีก 3 วินาที แล้วจึงสลบไป(ตามคำบอกเล่าของวินมอเตอร์ไซค์) บาดแผลของหมอมุกจะมีแค่ศีรษะเท่านั้นจากคำสัมภาษณ์ ของแพทย์

ดูจากกล้องวงจรปิกก้อน่าจะรุแล้วว่าอะไรเป็นอะไร พูดมาได้ไม่ได้ตั้งใจ ใช้ไรคิดแว๊ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

ที่จอดรถสาธารณะทำไมมีสีขาวแดงค๊าบ พี่น้อง

กล้าทำกล้ารับ เป็นทหารที่ขี้ขลาดมาก ต้องส่งมันลงไปทำงานใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ทั้งครอบครัว