หน้า: 1

ชนิดกระทู้ ผู้เขียน กระทู้: ชง3ยุทธศาสตร์รื้อโครงสร้างปท. เมกะโปรเจ็กต์น้ำล้านล.-ปั้นเอสเอ็มอี-โลจิสติกส์  (อ่าน 127 ครั้ง)
add
เรทกระทู้
« เมื่อ: 17 พ.ย. 11, 13:04 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
Send E-mail

แบ่งปันกระทู้นี้ให้เพื่อนคุณอ่านไหมคะ?

ปิดปิด
 

คลังชงคณะกรรมการยุทธศาสตร์ "กยอ.-กยน." รื้อโครงสร้างประเทศ ลงทุนชลประทาน-บริหารจัดการน้ำทั้งระบบระยะยาว 10 ปี 1 ล้านล้านบาท พัฒนาโลจิสติกส์ผุดเมกะโปรเจ็กต์ระบบรางทั้งรถไฟรางคู่-ไฮสปีดเทรน ปั้นรายได้เอสเอ็มอีโต 50% ของจีดีพีเสริมความแข็งแกร่งเศรษฐกิจประเทศ


นายอารีพงศ์ ภู่ชะอุ่ม ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า จากที่ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2555 วงเงิน 2.38 ล้านล้านบาท ได้รับความเห็นชอบจากที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา และขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการพิจารณาแปรญัตติของคณะกรรมาธิการวิสามัญที่ตั้งขึ้นในส่วนของกระทรวงการคลัง นอกจากจะดูแลในภาพรวมวงเงินงบฯเดิม 2.33 ล้านล้านบาท บวกกับการจัดสรรงบฯขาดดุลเพิ่มเติมอีก 4 แสนล้านบาท ในจำนวนนี้เป็นงบฯที่ใช้เยียวยาสถานการณ์น้ำท่วมเบื้องต้น 5 หมื่นล้านบาท และจัดสรรเพิ่มอีก 8 หมื่นล้านบาท รวมเป็น 1.3 แสนล้านบาทแล้ว ยังมีโครงการที่ภาครัฐต้องลงทุนในอนาคตเพื่อแก้ไขปัญหาพร้อมกับยกเครื่องโครงสร้างประเทศ

กระทรวงการคลังพร้อมจะสนองนโยบายรัฐบาล และมีศักยภาพเพียงพอที่จะสนับสนุนด้านการเงิน เรื่องการเพิ่มหนี้สาธารณะไม่ต้องเป็นห่วง เพราะขณะนี้หนี้สาธารณะต่อจีดีพีอยู่ที่ 40% เท่านั้น ขณะที่กรอบความยั่งยืนอยู่ที่ 60% แต่ไม่ได้หมายความว่าจะก่อหนี้สาธารณะเต็มเพดาน 60% เพียงแต่ยังมีศักยภาพด้านการเงินที่จะสนับสนุน

เนื่องจากเป็นการลงทุนในเชิงยุทธศาสตร์ ซึ่งจะเกิดประโยชน์ต่อเศรษฐกิจโดยรวมในระยะยาว สำหรับแหล่งเงินในการลงทุนอาจจะมาจากเงินกู้ หรือการระดมทุนหลาย ๆ รูปแบบ

นอกจากนี้ อยู่ระหว่างพิจารณากรณีภาคเอกชนเสนอให้มีการจัดตั้งกองทุนเพื่อการฟื้นฟูประเทศควบคู่กันไปด้วย

"น้ำท่วม 3 ครั้งที่ผ่านมา เฉลี่ยแต่ละครั้งต้องใช้เงินฟื้นฟูไม่ต่ำกว่าครั้งละ 5 หมื่นล้านบาท เพียงซ่อมแซมไม่ได้สร้าง แต่ครั้งนี้หนักสุด ในเชิงยุทธศาสตร์ ทุกคนเข้าใจเหตุผลที่จะต้องลงทุน เพียงแต่รูปแบบการลงทุนเป็นอย่างไรต้องมีความชัดเจน เพราะโจทย์อาจจะเป็นไปจากเดิม"

ผุดเมกะโปรเจ็กต์พัฒนา 3 ด้าน

ทั้งนี้ จากที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้แต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมา 2 ชุด ประกอบด้วยคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อการฟื้นฟูและสร้างอนาคตประเทศ (กยอ.) และคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อวางระบบการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ หรือ กยน. เบื้องต้นคณะกรรมการทั้ง 2 ชุดจะกำหนดกรอบและแนวทางในการป้องกันแก้ไขปัญหาวิกฤตน้ำท่วมทั้งในระยะสั้นและระยะยาว ขณะเดียวกันจะเร่งฟื้นฟูเยียวยาเศรษฐกิจ โดยจะมีการลงทุนโครงการขนาดใหญ่เพื่อแก้ไขปัญหาในภาพรวมหลัก ๆ 3 ด้าน ได้แก่ 1.การลงทุนเรื่องน้ำ 2.โลจิสติกส์ และ 3.การพัฒนาเพื่อพัฒนาและยกระดับธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี)

ชลประทานทั่ว ปท.ล้านล้านบาท

นายอารีพงศ์กล่าวว่า การลงทุนเกี่ยวกับน้ำและระบบชลประทาน จากที่ได้หารือร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในเชิงบูรณาการช่วงก่อนหน้านี้ อาจต้องใช้วงเงินนับล้านล้านบาทลงทุนระบบชลประทาน และการบริหารจัดการลุ่มน้ำทั้ง 25 ลุ่มน้ำ หรือการผันน้ำจากประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อแก้ปัญหาน้ำท่วม น้ำแล้ง โดยจะทยอยดำเนินการในระยะ 10 ปี ส่วนนี้นายกฯตั้งทีมงานขึ้นมาดูแลแล้ว ซึ่งคณะทำงานที่ตั้งขึ้นคือ กยอ. ที่ ดร.วีรพงษ์ รามางกูร เป็นประธาน จะกำหนดแผนที่ชัดเจน เป็นแผนบูรณาการของหลายกระทรวง พร้อมกับขั้นตอนปฏิบัติ

ขณะนี้นักลงทุนต่างชาติมองเรื่องน้ำเป็นความเสี่ยง รัฐบาลจึงต้องทำให้เกิดความชัดเจนว่าการจัดการต่อจากนี้ไปจะเป็นอย่างไร มิฉะนั้นจะส่งผลต่อความมั่นใจในการลงทุน รวมทั้งการประกันภัยพิบัติ ขณะเดียวกัน พิจารณาระบบชลประทาน พบว่าภาคเหนือ ภาคใต้ ชลประทานดีอยู่แล้ว แต่มีปัญหาที่เป็นทางน้ำ ขณะที่ภาคอีสาน ชลประทานไม่ดี ก็ต้องลงทุนเพิ่ม เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำการเกษตร หากทำได้ ต้นทุนการผลิตด้านการเกษตรจะต่ำลง ส่งผลให้ราคาข้าวที่ภาครัฐต้องรับภาระจำนำต่ำลงด้วย เช่นเดียวกับภาคกลาง ระบบชลประทานดี แต่มีปัญหาเรื่องน้ำท่วม

ชง "กยอ." ลงทุนโลจิสติกส์

ส่วนการลงทุนพัฒนาระบบโลจิสติกส์ หากมองไปข้างหน้าจะเห็นว่าในเชิงยุทธศาสตร์ ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางของประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) การจะยกระดับประเทศให้มีศักยภาพในการแข่งขัน จึงเป็นเรื่องที่มีความสำคัญ จากที่ผ่านมา ระบบโลจิสติกส์ของไทยค่อนข้างอ่อนแอ โดยเฉพาะการขนส่งในระบบราง ซึ่งต้นทุนถูกที่สุด การลงทุนก่อสร้างระบบราง ทั้งรถไฟรางคู่ ไฮสปีดเทรน จึงมีความจำเป็น อย่างไรก็ตาม ในส่วนนี้จะมีการออกแบบการลงทุน โดยดึงภาคเอกชนเข้ามาร่วมทุนกับภาครัฐ ในรูป PPP (Public-Private Partnership) ซึ่งกระทรวงการคลังได้หารือกับกระทรวงคมนาคม วางแผนแม่บทโลจิสติกส์ล่วงหน้ามา 4-5 เดือน แล้ว ซึ่งจะเสนอให้ กยอ.และคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาโดยเร็วที่สุด

ปั้นรายได้เอสเอ็มอีเป็น 50%GDP

สำหรับการลงทุนพัฒนาด้านเอสเอ็มอี จากสถิติตัวเลขของกระทรวงอุตสาหกรรมที่ระบุว่าปัจจุบันมีผู้ประกอบการรายเล็กและรายกลางประมาณ 3 ล้านราย ในจำนวนนี้ที่แอ็กทีฟจริง ๆ มีราว 1 ล้านราย มีสัดส่วนรายได้ต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติ (จีดีพี) เพียงแค่ 37% ขณะที่บริษัทรายใหญ่แค่ไม่มีบริษัทมีสัดส่วนผลผลิตหรือรายได้ต่อจีดีพีมากกว่าเอสเอ็มอีมาก ซึ่งแสดงว่า 1.เอสเอ็มอีของไทยอ่อนแอ 2.จำนวนไม่มากพอ และ 3.มูลค่าเพิ่มจากธุรกิจ เอสเอ็มอียังมีน้อย จึงต้องพัฒนาและเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต อัพเกรดการบริหารจัดการ และเทคโนโลยี พร้อมทั้งอัพเกรดเรื่องการลงทุน โดยตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนรายได้ต่อจีดีพีเพิ่มเป็น 40-50% เพื่อให้โครงสร้างเศรษฐกิจของประเทศแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น

คลังขานรับตั้งกองทุนฟื้นฟู

ขณะเดียวกัน นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงแนวคิดในการจัดตั้งกองทุนเพื่อฟื้นฟูประเทศของภาคเอกชนว่า กระทรวงการคลังพร้อมให้สนับสนุนและยินดีจะปรับปรุง หรือแก้ไขกฎระเบียบต่าง ๆ ซึ่งเป็นอุปสรรคในการจัดตั้งและดำเนินการกองทุน

ทั้งนี้ สำหรับที่มาของกองทุนดังกล่าวเกิดจากภาคเอกชน ประกอบด้วย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สมาคมธนาคารไทย รวมทั้งบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ประสงค์จะนำเงินส่วนต่างระหว่างภาระภาษีเงินได้นิติบุคคลอัตราร้อยละ 30 ที่จะลดลงเหลือร้อยละ 23 มาจัดตั้งเป็นกองทุนเพื่อช่วยเหลือสภาพคล่องของภาคธุรกิจ โดยเฉพาะธุรกิจเอสเอ็มอีหลังวิกฤตอุทกภัย

http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1321496540&grpid=00&catid=00

noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า

กระทู้ฮอตในรอบ 7 วัน

Tags:
Tags:  

หน้า: 1

 
ตอบ

ชื่อ:
 
แชร์ไป Facebook ด้วย
กระทู้:
ไอค่อนข้อความ:
ตัวหนาตัวเอียงตัวขีดเส้นใต้จัดย่อหน้าชิดซ้ายจัดย่อหน้ากึ่งกลางจัดย่อหน้าชิดขวา

 
 

[เพิ่มเติม]
แนบไฟล์: (แนบไฟล์เพิ่ม)
ไฟล์ที่อนุญาต: gif, jpg, jpeg
ขนาดไฟล์สูงสุดที่อนุญาต 20000000 KB : 4 ไฟล์ : ต่อความคิดเห็น
ติดตามกระทู้นี้ : ส่งไปที่อีเมลของสมาชิกสนุก
  ส่งไปที่
พิมพ์อักษรตามภาพ:
พิมพ์ตัวอักษรที่แสดงในรูปภาพ
 
:  
  • ข้อความของคุณอยู่ในกระทู้นี้
  • กระทู้ที่ถูกใส่กุญแจ
  • กระทู้ปกติ
  • กระทู้ติดหมุด
  • กระทู้น่าสนใจ (มีผู้ตอบมากกว่า 15 ครั้ง)
  • โพลล์
  • กระทู้น่าสนใจมาก (มีผู้ตอบมากกว่า 25 ครั้ง)
         
หากท่านพบเห็นการกระทำ หรือพฤติกรรมใด ๆ ที่ไม่เหมาะสม ซึ่งอาจก่อให้เกิดความเสื่อมเสียแก่สถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ รวมถึง การใช้ข้อความที่ไม่สุภาพ พฤติกรรมการหลอกลวง การเผยแพร่ภาพลามก อนาจาร หรือการกระทำใด ๆ ที่อาจก่อให้ผู้อื่น ได้รับความเสียหาย กรุณาแจ้งมาที่ แนะนำติชม