หน้า: 1

ชนิดกระทู้ ผู้เขียน กระทู้: วิเคราะห์ "กองทุนรวมวายุภักษ์"...???  (อ่าน 528 ครั้ง)
add
เรทกระทู้
« เมื่อ: 25 ม.ค. 12, 23:49 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
Send E-mail

แบ่งปันกระทู้นี้ให้เพื่อนคุณอ่านไหมคะ?

ปิดปิด
 
วิเคราะห์ "กองทุนรวมวายุภักษ์"...???

q*021q*096q*021



โดย...เกียรติศักดิ์ ผิวเกลี้ยง

แม้ว่าประเด็นร้อนการออก พ.ร.ก.โอนหนี้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน 1.14 ล้านล้านบาท ไปให้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รับภาระใช้ต้นและดอกเบี้ยยังวุ่นวาย จนบัดนี้ยังหาข้อยุติในการรีดเงินจากสถาบันการเงินแบงก์พาณิชย์ไม่ได้

การดูแลผู้ฝากเงินไม่ให้ได้รับผลกระทบจะไม่เห็นเป็นรูปธรรม

รัฐบาลปู ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก็ใจถึงเปิดประเด็นร้อนใหม่ เรื่องการขายหุ้นรัฐวิสาหกิจเกรดเออย่าง บริษัท ปตท. และบริษัท การบินไทย ให้กับกองทุนวายุภักษ์ เพื่อลดสัดส่วนที่กระทรวงการคลังถืออยู่แห่งละประมาณ5152% ให้ลดลงมาต่ำกว่า 50% เพื่อลดสถานะลงมาจากความเป็น “รัฐวิสาหกิจ”

ผลที่ตามมาจากมาตรการนี้ คือหนี้ที่รัฐวิสาหกิจทั้งสองแห่งก่อขึ้นมา จะไม่ต้องนับเป็นหนี้สาธารณะอีกต่อไป

นั่นหมายถึงว่า ทำให้สัดส่วนหนี้สาธารณะของประเทศลดต่ำลง

ประเด็นการขายหุ้นรัฐวิสาหกิจที่เปิดทาง โดย ดร.โกร่งวีรพงษ์ รามางกูร ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อการฟื้นฟูและสร้างอนาคตประเทศ (กยอ.) ที่ระบุว่า การลดสัดส่วนหุ้นบริษัท ปตท. และบริษัท การบินไทย จะทำให้หนี้สาธารณะลดลง 1 ล้านล้านบาท จนทำให้หลายคนตะลึงในวิธีคิดการจัดการบริการภาครัฐ

คล้อยหลังจากนั้น ขณะที่ กิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง ก็ออกมารับลูกทันควัน ว่าเรื่องนี้คิดจริงทำจริง และจะทำให้ได้ภายในปีนี้

ด้านกระทรวงการคลังก็ตบเท้ารับลูกพร้อมดำเนินการ โดยกองทุนวายุภักษ์มีความพร้อมดำเนินการได้ทันที เพราะกองทุนวายุภักษ์มีสภาพคล่อง 5 หมื่นล้านบาท สามารถควักเงินออกมาซื้อหุ้นบริษัท ปตท. และบริษัท การบินไทย ได้อย่างไม่ยากเย็น

นอกจากนี้ ผู้บริหารกระทรวงการคลังยังชงลูกมองข้ามช็อตไปถึงขนาดต่ออายุกองทุนวายุภักษ์ ที่ตอนนี้เป็นกองทุนปิดอายุแค่ 10 ปี และเหลือเวลาอีก 2 ปี ก็จะต้องปิดกองทุนลง ด้วยการทำเป็นกองทุนเปิดนำเข้าตลาดหุ้นเป็นแหล่งระดมเงินลงทุนของรัฐบาลอีกขาหนึ่ง


q*021q*096q*021





q*021q*096q*021




noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า

กระทู้ฮอตในรอบ 7 วัน

add
เรทกระทู้
« ตอบ #1 เมื่อ: 25 ม.ค. 12, 23:51 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 


เรื่องดังกล่าวได้รับการคัดค้านแบบทันที จาก กรณ์ จาติกวณิช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และอดีต รมว.คลัง โดยระบุว่า การลดสัดส่วนหุ้นบริษัท ปตท. ไม่ให้เป็นรัฐวิสาหกิจ เป็นเรื่องอันตรายอย่างยิ่ง เพราะเป็นอำนาจผูกขาดในเรื่องพลังงานที่มีผลต่อชีวิตคนไทยทุกคน

ดังนั้น เมื่อใดที่ ปตท.เป็นของเอกชนและมีเป้าหมายอย่างเดียวคือ ทำกำไร ประชาชนคนไทยจะต้องเดือดร้อนอย่างแน่นอน

นอกจากนี้ ยังพุ่งเป้าว่าก่อนหน้านี้ รัฐบาลได้ประกาศลอยตัวราคาก๊าซเพื่อเพิ่มกำไรให้กับ ปตท. สอดคล้องกับแนวคิดให้กระทรวงการคลังขายหุ้น

แน่นอนว่า เมื่อใดที่หุ้น ปตท. รัฐวิสาหกิจที่ผูกขาดด้านพลังงานของประเทศหลุดมือจากรัฐบาลแล้ว ใครมีทุนหนาก็เข้ายึดครองได้

และประจวบเหมาะพอดีกับการที่ผู้มีอำนาจกำหนดนโยบายวันนี้กลายเป็นผู้ที่มีทุนหนาที่สุดด้วย

q*021q*096q*021
noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
add
เรทกระทู้
« ตอบ #2 เมื่อ: 25 ม.ค. 12, 23:53 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 


แต่ที่เผ็ดร้อนกว่านั้น เห็นจะเป็น ธีระชัยภูวนาถนรานุบาล อดีต รมว.คลัง ของรัฐบาลเพื่อไทย ที่ทิ้งทวนหลุดเก้าอี้สดๆ ร้อนๆ ออกโรงคัดค้านนโยบายขายหุ้นรัฐบาลอย่างดุเดือดว่า เป็นการซุกหนี้ ทำให้ประเทศขาดความน่าเชื่อถือและจะเกิดวิกฤตเหมือนประเทศกรีซ

นอกจากนี้ อดีต รมว.คลัง มองว่า การคิดหนี้สาธารณะต้องยึดข้อเท็จจริง ไม่ใช่เล่นแร่แปรธาตุเพียงรูปแบบของการถือหุ้นทำให้หนี้สาธารณะลดลง ซึ่งจริงๆ แล้วไม่ได้ลด

ต้องบอกว่า ข้อทักท้วงของบุคคลทั้งสองนั้นไม่ธรรมดา ประชาชนและฝ่ายการเมืองต้องเงี่ยหูฟัง

ข้อสังเกตของอดีต 2 รมว.คลัง ถือว่าพุ่งตรงเป้ากลางกล่องดวงใจของหลายฝ่าย ว่าการดำเนินการของรัฐบาลนี้เป็นการซุกหนี้ของรัฐบาลหาเสียงทางการเมือง

นอกจากนี้ ยังมีเรื่องผลประโยชน์ของเรื่องหุ้นที่เป็นตัวเงินตัวทองของนักการเมืองที่เป็นรัฐบาลอยู่

ทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นเรื่องการขายหุ้น ปตท. และบริษัท การบินไทย ให้กองทุนวายุภักษ์และการต่ออายุกองทุนวายุภักษ์ จึงไม่ใช่เรื่องบังเอิญมาบรรจบเจอกันโดยมิได้นัดหมายเด็ดขาด

แต่เรื่องทั้งหมด มีการวางแผนเตะลูกรับลูกกันอย่างเป็นระบบ ก่อนที่จะมีการเปิดหน้าออกมาให้เห็นเป็นช็อตๆ อย่างต่อเนื่อง

q*021q*096q*021
noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
add
เรทกระทู้
« ตอบ #3 เมื่อ: 25 ม.ค. 12, 23:58 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 

กองทุนวายุภักษ์ถูกตั้งขึ้นสมัยรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และคนที่อยู่เบื้องหลัง ที่สำคัญ คือ นิพัทธ พุกกะณะสุต ซึ่งตอนนี้นั่งเป็นกรรมการ อยู่ในคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อวางระบบการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ (กยน.) ซึ่งมีส่วนในการวางยุทธศาสตร์ขายหุ้นรัฐวิสาหกิจและต่ออายุกองทุนวายุภักษ์อยู่ไม่น้อย

สมัยที่คิดตั้งกองทุนวายุภักษ์ มีการวางโมเดลให้กองทุนวายุภักษ์เป็นเหมือนกองทุนเทมาเซกของสิงคโปร์ เป็นกองทุนของประเทศไปลงทุนทำเงินเข้ามาใช้พัฒนาประเทศอีกช่องทางหนึ่ง

แต่แนวทางดังกล่าวได้รับการคัดค้าน เพราะกลัวความเสี่ยงจากการตั้งกองทุน ที่ต้องนำหุ้นของกระทรวงการคลังถึง 1 แสนล้านบาท ไปใช้ประเดิมตั้งกองทุน ทำให้สุดท้ายกองทุนวายุภักษ์ถูกตั้งขึ้นเพื่อเป็นทางเลือกให้กับผู้ออมเงินรายย่อยเท่านั้น โดยกองทุนประกันผลตอบแทนปีละ 3% เป็นอย่างต่ำ

กองทุนวายุภักษ์มีเงื่อนไขที่สำคัญ เมื่อครบปีที่ 10 ปิดกองทุน กองทุนต้องเสนอขายหุ้นที่ซื้อไปประเดิมในการจัดตั้งกองทุนคืนกลับมาให้กับกระทรวงการคลังก่อนเป็นเจ้าแรก

หากกระทรวงการคลังไม่ซื้อคืน กองทุนก็สามารถนำหุ้นไปขายในตลาดได้

เห็นความล่อแหลมและเหลี่ยมคูในการเปิดช่องให้คนที่ทุนหนาสามารถสไลด์เข้ามาซื้อหุ้นในรัฐวิสาหกิจของรัฐกันแจ่มแจ้งหรือไม่

ปัจจุบันกองทุนวายุภักษ์ จากตอนตั้งมีมูลค่าประมาณ 1 แสนล้านบาท แต่ปัจจุบันมีมูลค่าถึง 3 แสนล้านบาท พูดง่ายๆ มีกำไรเพิ่มขึ้น 2 แสนล้านบาท

ดังนั้น นโยบายของรัฐบาลที่จะทำกองทุนวายุภักษ์เป็นกองทุนเปิดไม่มีวันหมดอายุ และนำกองทุนเข้าตลาดหุ้นเป็นแหล่งระดมเงินของรัฐบาล จึงถูกมองว่าเป็นการหาช่องขายหุ้นที่กองทุนถืออยู่ดีหลายๆ ตัว ไม่ว่าจะเป็นธนาคารไทยพาณิชย์ บริษัท ปตท. หรือบริษัทไออาร์พีซี ให้กับนักลงทุนในตลาดที่สุด

เพราะการแปลงกองทุนวายุภักษ์เป็นกองทุนเปิดโดยไม่ต้องรอกองทุนครบ 10 ปี ก็เท่ากับว่าเป็นการปลดล็อกกองทุนไม่ต้องเสนอขายหุ้นคืนให้กับกระทรวงการคลัง กองทุนสามารถบริหารหุ้นที่มีอยู่ซื้อขายได้อย่างอิสรเสรี ต่างจากเดิมที่หุ้นถูกล็อกนอนกองไว้ เพราะต้องขายคืนให้กระทรวงการคลังในวันที่ปิดกองทุน ซึ่งก็หมายถึงอีก 2 ปี




ยิ่งแนวทางการลดสัดส่วน ปตท. โดยการขายหุ้นให้กับกองทุนวายุภักษ์เพื่อลดหนี้สาธารณะดูมีข้อกังขา เพราะก่อนหน้านี้กิตติรัตน์ ออกมายืนยันว่า สัดส่วนหนี้ไม่ได้เป็นปัญหา ปัจจุบันหนี้สาธารณะอยู่ที่ 40% ของจีดีพี สามารถกู้ได้อีก 2 ล้านล้านบาท สัดส่วนหนี้ถึงจะชน 60% ของจีดีพี ตามกรอบความยั่งยืนทางการคลัง

แต่ผ่านไปไม่กี่วัน รัฐบาลกลับยังมีนโยบายลดสัดส่วนหนี้อีก ทั้งที่ไม่มีความจำเป็น

นอกจากนี้ ภาระหนี้เรื่องของดอกเบี้ยหนี้กองทุนฟื้นฟูฯ ก็ถูกโยนไปให้ ธปท.แล้ว

จึงมีคำถามว่า ทำไมรัฐบาลต้องมีแผนการขายหุ้น ปตท. หรือบริษัท ปตท. ให้กองทุนวายุภักษ์เพื่อลดหนี้อีก

และการแปลงกองทุนวายุภักษ์จะมีหลักประกันให้มั่นใจได้อย่างไร ว่าจะไม่ถูกใช้เป็นเครื่องมือโอนถ่ายทรัพย์สินผลประโยชน์ของรัฐไปให้คนอื่น มากกว่าที่จะกลับมาให้ประเทศ

การเดินเกมของรัฐบาลเรื่องนี้ถือว่า สลับซับซ้อน ซึ่งที่อ้างว่าเป็นการลดหนี้อาจจะเป็นโบนัส แต่เป้าหมายจริงอยู่ที่การติดปีกกองทุนวายุภักษ์ ที่เปิดช่องขายหุ้นรัฐวิสาหกิจชั้นดีให้กับกลุ่มผลประโยชน์ทางการเมือง อย่างที่ กรณ์ อดีต รมว.คลัง ตั้งข้อสังเกตไว้มากกว่า

เพราะหากโยกหนี้รัฐวิสาหกิจโดยการขายหุ้นออกไปในวันนี้ให้กับกองทุนวายุภักษ์ แล้วรัฐบาลลุยสร้างหนี้เต็มที่เพื่อหาเงินมาพัฒนาประเทศ วันหนึ่งเมื่ออายุกองทุนครบกำหนด แล้วกระทรวงการคลังไม่สามารถซื้อหน่วยลงทุนกลับคืนมา เพราะติดเพดานหนี้สาธารณะ หรือกรอบการคลังเมื่อไหร่

ประชาชนคนไทยได้คางเหลืองจากการทำมาหากินของคนที่มือยาวสาวได้สาวเอาแน่


q*021q*096q*021

http://guru.google.co.th/guru/thread?tid=180b7c8be9b1a85e

noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Guest
k542
เรทกระทู้
« ตอบ #4 เมื่อ: 26 ม.ค. 12, 01:06 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 

ในเรื่องนี้ คิมกำลังคิดตามคุณlumtakongในแง่บวก..

และหาเหตุผลมารองรับในเรื่องของผลประโยชน์ และผลกระทบต่อประชาชนอย่างไรอยู่ค่ะ...

นี่แหล่ะคือคุณกรณ์ที่เคยเป็นฮีโร่คิม... ขอบคุณมากค่ะ q*039

noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
add
เรทกระทู้
« ตอบ #5 เมื่อ: 26 ม.ค. 12, 09:04 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 
ในเรื่องนี้ คิมกำลังคิดตามคุณlumtakongในแง่บวก..

และหาเหตุผลมารองรับในเรื่องของผลประโยชน์ และผลกระทบต่อประชาชนอย่างไรอยู่ค่ะ...

นี่แหล่ะคือคุณกรณ์ที่เคยเป็นฮีโร่คิม... ขอบคุณมากค่ะ q*039

อันที่จริง ยังมีอีกเรื่องครับ คุณ คิม ที่ผมค้างคาใจ เกี่ยวกับการจัดสรรงบประมาณ

เพื่อจ่ายหนี้ 1.14 ล้านล้านบาท

ในสมัย ปชป.เป็นรัฐบาล ได้มีการจัดสรรงบประมาณสำหรับจ่ายเงินต้นพร้อมดอกเบี้ย

2 ปี จ่ายคืนไปแล้วรวมทั้งสิ้น 60,000 ล้านบาท

แต่งบประมาณรายจ่ายในยุครัฐบาลคุณหนูปูแดง กลับ จัดงบฯ ไว้เพียง 2,000 ล้านบาท

เพื่อจ่ายเฉพาะตัว "ดอกเบี้ย" แต่ไม่ได้ให้ความสำคัญกับการคืนเงินต้น

แล้วเมื่อไหร่ "ประเทศไทย จะหมดหนี้" ซักทีครับ

q*021q*096q*021

noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
add
เรทกระทู้
« ตอบ #6 เมื่อ: 26 ม.ค. 12, 21:31 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 

สวัสดีครับท่านโฆษกฯลำตะคอง (แหย่เล่นนะ)
การนำเรื่องนี้มาถกกันเยอะๆเป็นเรื่องดี เพราะสลับซับซ้อนสำหรับคนวงนอกจริงๆ เป็นเรื่องของการโยกตัวเลขทางบัญชีเพื่อหนีกับดักกฏหมาย กฏระเบียบข้อบังคับ คนวงนอกก็ควรสนใจติดตามและดูว่าทำผิดกฏหมายหรือไม่ เท่าที่จำได้ภาระการจ่ายเงินต้นเป็นของแบงค์ชาติ(ผู้ก่อความผิดพลาดขึ้นมาสมัยผู้ว่าฯเริงชัย) ซึ่งก็จ่ายได้น้อยมากเพราะคนแบงค์ชาติทำกำไรไม่เก่ง ส่วนดอกเบี้ยปีละ 5-6 หมื่นล้านเป็นภาระของรัฐบาล ผู้ว่าแบงค์ชาติทุกคน,รมว.คลังทุกคนต้องรู้เรื่องนี้ เมื่อยังไม่มั่นใจวิธีการแก้ปัญหาและขาดความกล้าความเก๋า ปัญหาจึงยังเป็นปัญหาอยู่ ส่วนเรื่องกองทุนวายุภักษ์มีน่าห่วงเรื่องเดียวการกระจายหุ้นต้องโปร่งใสและเป็นมหาชนจริงๆ อย่าให้เป็นอย่างคราว ปตท.แค่นาทีแรกก็ขายหมด ก็สมควรถูกด่าตามหลัง เพราะใครๆก็พอเดาได้ หากเรื่องนี้ประเทศชาติได้ประโยชน์จริงก็ไม่น่าไปขวาง

noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Guest
คนตาสว่าง
เรทกระทู้
« ตอบ #7 เมื่อ: 26 ม.ค. 12, 21:47 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 
ไม่เห็นด้วย พวกนักธรุกิจการเมือง จะเอากองทุนวายุพักตร์ของรัฐบาลไปซื้อหุ้น ปตท ของรัฐบาล เพื่อใช้หนี้สาธารณะของประเทศไทย ???


เราต้องขอบคุณธีระชัยที่เปิดเผยความจริง ...สาเหตุที่กิติรัต โกร่ง คุณนกแก้วเสื้อผ้า หน้า ผม หาเรื่องซุกหนี้สาธารณะ ตกแต่งบัญชีหนี้เพื่อกู้เพิ่ม กู้ๆๆ ดีแต่กู้ เหมือนที่ สนับสนุน เห็นดีเห็นงาม ที่ทักษิณซุกหุ้น ...เพราะทักษิณและน้องสาวทักษิณเคยไปแหกตาปลุกระดม คนเสื้อแดง คนอิสาน คนเหนือ ว่าอดีตรัฐบาลดีแต่กู้ ๆๆ จนประเทศไทยจะล่มจมเหมือนกรีซ อเมริกา ฯลฯ ทั้งๆ ที่อดีตรัฐบาลสร้างหนี้สาธารณะเมืองไทยไว้ต่ำแค่ 42% หรือ ภาระหนี้ต่องบประมาณแค่ 9.33% …จำนวนคนตกงานหลังจากเสื้อแดงเผาบ้าน เผาเมือง ก็แค่หลักพัน....


พรรคเพื่อทักษิณ มีแต่ปัญญาปลุกระดมแหกตาคนมาตาย ได้อำนาจแต่ไม่มีปัญญาหาเงินเข้าประเทศ ...มีแต่ปัญญาจ้องผลาญเงินทุนสำรองประเทศที่อดีตรัฐบาลเก็บสะสมไว้ให้


สรุปเหลี่ยม หลอก แหกตาคนโง่ๆ ว่าเคยใช้หนี้ IMF แล้ว แท้ที่จริงเป็นนายกเกือบ 6 ปีดีแต่ทำนายกไปด้วย ดีแต่ใช้คะแนนเสียงส่วนใหญ่ของคนจน คนอิสาน คนเหนือที่มีแต่ปัญญาเล่นหวย ...เอามาแก้กฏหมายเพื่อซุกหุ้น ฉกหาเงินเข้ากระเป๋าตระกูลชนวต แต่ไม่เคยสนใจใช้หนี้สาธารณะเลย แถมก่อหนี้กองทุนน้ำมันไว้อีกเกือบ แสนล้านบาท ..แล้วบินไปดูโอลิมปิกเมืองจีนไม่กลับมาอีก ...หนี้ IMF เมื่อปี 2540 เลยกลายมาเป็นหนี้ FIDF สูงถึง 1.4 ล้าน ล้าน บาทในปี 2555


ในที่สุด นกแก้ว มหาเศรษฐี ผลักภาระหนี้สาธารณะที่พวกตนเจริญ กลุ่ม 16 ปิ่น จักกะพาทก่อเอาไว้ แต่ รอดตัวสบายยย ทั้งๆ ที่เคยใช้อำนาจการเมือง ฉกจนแบ๊งค์ และเงินทุนหลักทรัพย์ ล้มระนาว ปี 40 .... มีแต่เหลี่ยมจอมฉก .ที่ฉกอมูลวงในรู้ก่อนคนอื่นๆ ว่าชวลิตจะลดค่าเงินบาทที่รอดตัว .เอาแต่ธุรกิจของตัวเองรอดในปี 40 .....ส่วน ชาวบ้านที่ไม่มีเส้น ไม่รู้ข้อมูลวงใน เหมือน เหลี่ยมต้อง กระโดดตึกตาย ต้องไปเปิดท้ายขายของเพราะหนี้ ท่วมมมมมม หัวภายในพริบตา ........


ปี 2555 นางนกแก้วจะเอาหนี้.กลับมาให้ประชาชนคนไทย 63 ล้านคนเป็นคนจ่ายหนี้ โดยอ้างโอนหนี้ไปให้แบ๊งค์ชาติ

....คนจนลูกค้าธนาคาร ก็ต้องรับภาระหนี้สาธารณะ ที่นักธุรกิจการเมืองจอมฉก ผลักมาให้แบ๊งค์ชาติ และแบ๊งค์ชาติก็ผลักต่อมาให้ธนาคารพาณิชย์ และธนาคารรัฐ ...ทุกวันนี้ถึงแม้ธนาคารไทยเข็มแข็งหลังจากผ่านวิกฤติเศรษฐกิจต้มยำกุ้ง ....แต่ก็จะต้องผลักภาระ มาเก็บเงินต่อกับลูกค้าธนาคาร ผู้ฝาก ผู้ถอน เพื่อส่งเงินให้แบ๊งค์ชาติเอาไปจ่ายหนี้สาธารณะเงินต้น ที่นางเศรษฐี ยิ่งลักษ์ผลักหนี้มาให้คนจน

noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
add
เรทกระทู้
« ตอบ #8 เมื่อ: 26 ม.ค. 12, 22:44 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 
สวัสดีครับท่านโฆษกฯลำตะคอง (แหย่เล่นนะ)
การนำเรื่องนี้มาถกกันเยอะๆเป็นเรื่องดี เพราะสลับซับซ้อนสำหรับคนวงนอกจริงๆ เป็นเรื่องของการโยกตัวเลขทางบัญชีเพื่อหนีกับดักกฏหมาย กฏระเบียบข้อบังคับ คนวงนอกก็ควรสนใจติดตามและดูว่าทำผิดกฏหมายหรือไม่ เท่าที่จำได้ภาระการจ่ายเงินต้นเป็นของแบงค์ชาติ(ผู้ก่อความผิดพลาดขึ้นมาสมัยผู้ว่าฯเริงชัย) ซึ่งก็จ่ายได้น้อยมากเพราะคนแบงค์ชาติทำกำไรไม่เก่ง ส่วนดอกเบี้ยปีละ 5-6 หมื่นล้านเป็นภาระของรัฐบาล ผู้ว่าแบงค์ชาติทุกคน,รมว.คลังทุกคนต้องรู้เรื่องนี้ เมื่อยังไม่มั่นใจวิธีการแก้ปัญหาและขาดความกล้าความเก๋า ปัญหาจึงยังเป็นปัญหาอยู่ ส่วนเรื่องกองทุนวายุภักษ์มีน่าห่วงเรื่องเดียวการกระจายหุ้นต้องโปร่งใสและเป็นมหาชนจริงๆ อย่าให้เป็นอย่างคราว ปตท.แค่นาทีแรกก็ขายหมด ก็สมควรถูกด่าตามหลัง เพราะใครๆก็พอเดาได้ หากเรื่องนี้ประเทศชาติได้ประโยชน์จริงก็ไม่น่าไปขวาง

ยกยอกันเกินไปหรือเปล่าครับ คุณ theBLC สวัสดีเช่นกันครับ

ผมเองก็เป็นเพียงแค่ "มดน้อยทางการเมือง" ที่ยังคงต้องอ่านและศึกษาเพิ่มเติมอีกมากครับ

เพราะว่า ความรู้เท่าที่มี ก็แค่เพียงฝาหอย และยังน้อยกว่า ท่านๆ ณ.ที่นี้อยู่มากครับ

ผิดพลาดประการใด โปรดชี้แนะด้วยนะครับ

ส่วนเรื่องประเด็นที่ชี้นำ เรื่องขายหุ้นปตท. 2% ดูเหมือนน้อยนะครับ

แต่เจ้าตัวเลขน้อยๆ นี่ล่ะ ที่จะทำให้ ปตท. ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจอันดับหนึ่งของเมืองไทย

และอันดับ 155 ของโลก จะกลายสภาพไปเป็น "เอกชน" ทันที

"คนไกลบ้านที่ดูไบ" ในสมัยเรืองอำนาจ จัดการแปรรูป ทุกอย่างที่ขวางหน้า

รวมถึง ปตท. มารอบนี้ "คุณหนูปูแดง" จัดให้อีกแล้วครับ

สมบัติของชาติ ปัจจัย 4 อย่าง ในการดำรงค์ชีพขั้นพื้นฐานของประชาชน

อย่าทำเลยนะ แปรรูปในรอบที่แล้ว ก็ช้ำใจกันพอแรงแล้วครับ


q*021q*096q*021



noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
add
เรทกระทู้
« ตอบ #9 เมื่อ: 26 ม.ค. 12, 22:51 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 
ไม่เห็นด้วย พวกนักธรุกิจการเมือง จะเอากองทุนวายุพักตร์ของรัฐบาลไปซื้อหุ้น ปตท ของรัฐบาล เพื่อใช้หนี้สาธารณะของประเทศไทย ???


เราต้องขอบคุณธีระชัยที่เปิดเผยความจริง ...สาเหตุที่กิติรัต โกร่ง คุณนกแก้วเสื้อผ้า หน้า ผม หาเรื่องซุกหนี้สาธารณะ ตกแต่งบัญชีหนี้เพื่อกู้เพิ่ม กู้ๆๆ ดีแต่กู้ เหมือนที่ สนับสนุน เห็นดีเห็นงาม ที่ทักษิณซุกหุ้น ...เพราะทักษิณและน้องสาวทักษิณเคยไปแหกตาปลุกระดม คนเสื้อแดง คนอิสาน คนเหนือ ว่าอดีตรัฐบาลดีแต่กู้ ๆๆ จนประเทศไทยจะล่มจมเหมือนกรีซ อเมริกา ฯลฯ ทั้งๆ ที่อดีตรัฐบาลสร้างหนี้สาธารณะเมืองไทยไว้ต่ำแค่ 42% หรือ ภาระหนี้ต่องบประมาณแค่ 9.33% …จำนวนคนตกงานหลังจากเสื้อแดงเผาบ้าน เผาเมือง ก็แค่หลักพัน....


พรรคเพื่อทักษิณ มีแต่ปัญญาปลุกระดมแหกตาคนมาตาย ได้อำนาจแต่ไม่มีปัญญาหาเงินเข้าประเทศ ...มีแต่ปัญญาจ้องผลาญเงินทุนสำรองประเทศที่อดีตรัฐบาลเก็บสะสมไว้ให้


สรุปเหลี่ยม หลอก แหกตาคนโง่ๆ ว่าเคยใช้หนี้ IMF แล้ว แท้ที่จริงเป็นนายกเกือบ 6 ปีดีแต่ทำนายกไปด้วย ดีแต่ใช้คะแนนเสียงส่วนใหญ่ของคนจน คนอิสาน คนเหนือที่มีแต่ปัญญาเล่นหวย ...เอามาแก้กฏหมายเพื่อซุกหุ้น ฉกหาเงินเข้ากระเป๋าตระกูลชนวต แต่ไม่เคยสนใจใช้หนี้สาธารณะเลย แถมก่อหนี้กองทุนน้ำมันไว้อีกเกือบ แสนล้านบาท ..แล้วบินไปดูโอลิมปิกเมืองจีนไม่กลับมาอีก ...หนี้ IMF เมื่อปี 2540 เลยกลายมาเป็นหนี้ FIDF สูงถึง 1.4 ล้าน ล้าน บาทในปี 2555


ในที่สุด นกแก้ว มหาเศรษฐี ผลักภาระหนี้สาธารณะที่พวกตนเจริญ กลุ่ม 16 ปิ่น จักกะพาทก่อเอาไว้ แต่ รอดตัวสบายยย ทั้งๆ ที่เคยใช้อำนาจการเมือง ฉกจนแบ๊งค์ และเงินทุนหลักทรัพย์ ล้มระนาว ปี 40 .... มีแต่เหลี่ยมจอมฉก .ที่ฉกอมูลวงในรู้ก่อนคนอื่นๆ ว่าชวลิตจะลดค่าเงินบาทที่รอดตัว .เอาแต่ธุรกิจของตัวเองรอดในปี 40 .....ส่วน ชาวบ้านที่ไม่มีเส้น ไม่รู้ข้อมูลวงใน เหมือน เหลี่ยมต้อง กระโดดตึกตาย ต้องไปเปิดท้ายขายของเพราะหนี้ ท่วมมมมมม หัวภายในพริบตา ........


ปี 2555 นางนกแก้วจะเอาหนี้.กลับมาให้ประชาชนคนไทย 63 ล้านคนเป็นคนจ่ายหนี้ โดยอ้างโอนหนี้ไปให้แบ๊งค์ชาติ

....คนจนลูกค้าธนาคาร ก็ต้องรับภาระหนี้สาธารณะ ที่นักธุรกิจการเมืองจอมฉก ผลักมาให้แบ๊งค์ชาติ และแบ๊งค์ชาติก็ผลักต่อมาให้ธนาคารพาณิชย์ และธนาคารรัฐ ...ทุกวันนี้ถึงแม้ธนาคารไทยเข็มแข็งหลังจากผ่านวิกฤติเศรษฐกิจต้มยำกุ้ง ....แต่ก็จะต้องผลักภาระ มาเก็บเงินต่อกับลูกค้าธนาคาร ผู้ฝาก ผู้ถอน เพื่อส่งเงินให้แบ๊งค์ชาติเอาไปจ่ายหนี้สาธารณะเงินต้น ที่นางเศรษฐี ยิ่งลักษ์ผลักหนี้มาให้คนจน




โอ้...จัดเต็มอีกแล้ว ขอบคุณมากครับ คุณ คนตาสว่าง (มาบ่อยๆก็ดีนะครับ)

สำหรับข้อมูลบางเรื่อง ที่ผมเองอาจจะยังไม่ทราบครับ

งั้นผมคงไม่ต้องอธิบายเพิ่มเติมแล้วซินะครับ ชัดๆ ชัวร์ๆ ไม่มีมั่วนิ่ม ถูกต้องนะฮ๊าฟฟฟ
q*071

cocococococo


noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
add
เรทกระทู้
« ตอบ #10 เมื่อ: 26 ม.ค. 12, 23:22 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 

อยากฝากการบ้านให้คุณคนตาสว่าง ช่วยเตรียมข้อมูลเรื่องไหนที่ฟ้องดำเนินคดีได้ก็น่าจะทำ เช่นเรื่อง insider การใช้ข้อมูลภายในจากตำแหน่งหน้าที่ที่มีเพื่อหาผลประโยชน์ เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ ไม่ต้องรัฐประหารก่อนแล้วค่อยดำเนินคดีหรอก อย่างเรื่องรู้ข้อมูลการลดค่าเงินบาทก่อนก็ได้ยินมาเยอะ ถ้ามีข้อมูลชัดๆก็น่าดำเนินการ เอาข้อมูลไปให้คุณเรืองไกรก็ได้

noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Guest
ตร.ใต้
เรทกระทู้
« ตอบ #11 เมื่อ: 27 ม.ค. 12, 16:02 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 

แล้วจะร้องเพลงชาติไทยให้ใครฟัง นึกถึงชาติบ้านเมือง ลูกหลานกันบ้างน่ะครับ

noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Guest
ตร.ใต้
เรทกระทู้
« ตอบ #12 เมื่อ: 27 ม.ค. 12, 16:22 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 

มีเนื้อทอดอยู่นึงจาน
นักการเมืองเลวๆ กินเนื้อ
ข้าราชการเลวๆ กินเศษเนื้อกะผักรองจาน
ประชาชน ผู้เสียภาษี เอาจานไปล้างให้สะอาด
เพื่อใส่อาหารมื้อต่อไป

noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
add
เรทกระทู้
« ตอบ #13 เมื่อ: 27 ม.ค. 12, 23:22 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 

คุณ ตร.ใต้ เปรียบเปรยได้เห็นภาพจริงๆ เป็นเรื่องจริงอย่างที่คุณว่า ผมอยากขยายว่าประเทศนี้ตลอดร้อยกว่าปีที่ผ่านมา ขุนนาง นักการเมือง ข้าราชการ ฉ้อฉลกันจนเป็นเรื่องเหมือนไม่ผิดกฏหมาย เป็นเงินที่เขาจะต้องได้ และเป็นทุกกลุ่ม ไม่ต้องแบ่งข้างว่าข้างนี้ไม่ฉ้อ ข้างนี้ฉ้อ ฉ้อเหมือนกันหมด ที่น่าสงสารที่สุดคือประชาชนทุกคน ไม่มีสิทธิ๋จะต่อสู้กับอำนาจรัฐได้เลย ไม่มีสิทธิ์จะเข้าถึงข้อมูล แถมบางทีให้ข้อมูลที่โกหกอีกต่างหาก ปัญหาคือจะแก้ไขอย่างไร การปฏิบัติในทุกวันนี้คือ ปราบฝ่ายต้องข้ามคือยิงนกทีเดียวได้หลายตัว แต่พวกตัวเองฉ้อได้ เพราะตัวเองได้ด้วย

noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Tags:  กองทุนรวม วิเคราะห์ 

หน้า: 1

 
ตอบ

ชื่อ:
 
แชร์ไป Facebook ด้วย
กระทู้:
ไอค่อนข้อความ:
ตัวหนาตัวเอียงตัวขีดเส้นใต้จัดย่อหน้าชิดซ้ายจัดย่อหน้ากึ่งกลางจัดย่อหน้าชิดขวา

 
 

[เพิ่มเติม]
แนบไฟล์: (แนบไฟล์เพิ่ม)
ไฟล์ที่อนุญาต: gif, jpg, jpeg
ขนาดไฟล์สูงสุดที่อนุญาต 20000000 KB : 4 ไฟล์ : ต่อความคิดเห็น
ติดตามกระทู้นี้ : ส่งไปที่อีเมลของสมาชิกสนุก
  ส่งไปที่
พิมพ์อักษรตามภาพ:
พิมพ์ตัวอักษรที่แสดงในรูปภาพ
 
:  
  • ข้อความของคุณอยู่ในกระทู้นี้
  • กระทู้ที่ถูกใส่กุญแจ
  • กระทู้ปกติ
  • กระทู้ติดหมุด
  • กระทู้น่าสนใจ (มีผู้ตอบมากกว่า 15 ครั้ง)
  • โพลล์
  • กระทู้น่าสนใจมาก (มีผู้ตอบมากกว่า 25 ครั้ง)
         
หากท่านพบเห็นการกระทำ หรือพฤติกรรมใด ๆ ที่ไม่เหมาะสม ซึ่งอาจก่อให้เกิดความเสื่อมเสียแก่สถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ รวมถึง การใช้ข้อความที่ไม่สุภาพ พฤติกรรมการหลอกลวง การเผยแพร่ภาพลามก อนาจาร หรือการกระทำใด ๆ ที่อาจก่อให้ผู้อื่น ได้รับความเสียหาย กรุณาแจ้งมาที่ แนะนำติชม