การเยือนบาห์เรนอย่างเป็นทางการระหว่างวันที่ 13 -15 พฤษภาคม 2555 นายกรัฐมนตรีมีกำหนดการสำคัญคือ การเข้าเฝ้าฯ สมเด็จพระราชาธิบดีแห่งบาห์เรน (His Majesty King Hamad Bin Isa Al-Khalifa) และ มกุฎราชกุมารแห่งบาห์เรน (His Royal Highness Shaikh Salman Bin Hamad Bin Isa Al-Khalifa) จากนั้น จะเข้าร่วมการหารือและประชุมเต็มคณะกับนายกรัฐมนตรีบาห์เรน (His Royal Highness Prince Khalifa Bin Salman Al-Khalifa) ในโอกานี้ นายกรัฐมนตรีทั้งสองจะเป็นประธานร่วมในพิธีลงนามบันทึก ความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในสาขาการท่องเที่ยวระหว่างไทยกับบาห์เรน นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังมีกำหนดที่จะกล่าวสุนทรพจน์เปิดการประชุมร่วมระหว่างนักธุรกิจไทยและบาห์เรน รวมทั้งจะพบปะกับชุมชนชาวไทยในบาห์เรน
การเยือนประเทศบาห์เรนอย่างเป็นทางการนี้ ถือเป็นประเทศแรกของการเยือนภูมิภาคตะวันออกกลางของนายกรัฐมนตรี และในโอกาสที่ปีนี้ไทยและบาห์เรนครบรอบ 35 ปีของการสถานปนาความสัมพันธ์ทางการทูต การเยือนครั้งนี้จึงมีความหมายต่อความสัมพันธ์และความร่วมมือระหว่างไทยและบาห์เรนอีกทั้ง เป็นการแสดงถึงความสำคัญของภูมิภาคตะวันออกกลางและโลกมุสลิมโดยเฉพาะในกลุ่ม GCC หรือคณะมนตรีความร่วมมือรัฐอ่าวอาหรับ ที่ไทยต้องการดำเนินความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดและขยายความร่วมมือต่างๆ ทั้งนี้ ในการหารือทวิภาคีกับนายกรัฐมนตรีบาห์เรน จะคลอบคลุมถึงแนวทางการสร้างเสริม ความสัมพันธ์ทั้งในกรอบทวิภาคี และพหุภาคี พร้อมทั้งจะได้ขอบคุณบาห์เรนสำหรับการสนับสนุนไทยเกี่ยวกับการแก้ปัญหาสถานการณ์จังหวัดชายแดนภาคใต้ในเวที OIC มาโดยตลอด รวมทั้ง การขยายความร่วมมือในด้านต่างๆที่สองประเทศมีศักยภาพ เช่น การเมืองและความมั่นคง ความร่วมมือด้านเศรษฐกิจและการลงทุน ที่คาดหวังว่าจะได้ผลักดันภาคเอกชนไทยให้มีส่วนร่วมในโครงการก่อสร้างต่างๆของบาห์เรน ความร่วมมือด้านการเกษตร ความร่วมมือด้านการให้บริการด้านสุขภาพ เช่น Medical Tourism ความร่วมมือด้านการศึกษา ซึ่งที่ผ่านมารัฐบาลบาห์เรนได้มอบทุนการศึกษาแก่นักศึกษาไทยและดูแลอย่างดี รวมถึง การลงนาม MOU ความร่วมมือด้านการท่องเที่ยว และ MOU ความร่วมมือวัฒนธรรม
จากนั้น นายกรัฐมนตรีจะเดินทางต่อไปยังประเทศกาตาร์เพื่อเยือนอย่างเป็นทางการระหว่างวันที่ 15 – 16 พฤษภาคม 2555 โดยมีกำหนดการสำคัญคือ เข้าเฝ้าฯ เจ้าผู้ครองรัฐกาตาร์ (His Highness Sheikh Hamad bin Khalifa Al-Thani) การหารือเต็มคณะกับนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศกาตาร์ (His Excellency Sheikh Hamad Bin Jassem Bin Jabor Al-Thani) นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีจะได้ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวอัลจาซีรา ซึ่งเป็นหนึ่งในเครือข่ายสื่อมวลชนชั้นนำของโลก ในโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีจะเป็นเจ้าภาพและกล่าวสุนทรพจน์ในงานเลี้ยงรับรองนักธุรกิจไทยและกาตาร์ รวมทั้งจะพบปะกับชุมชนชาวไทยในกาตาร์
การเยือนกาตาร์อย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรี นอกจาก เป็นการแสดงถึงการให้ความสำคัญของภูมิภาคตะวันออกกลางและโลกมุสลิมโดยเฉพาะในกลุ่ม GCC หรือคณะมนตรีความร่วมมือรัฐอ่าวอาหรับ ที่ไทยต้องการดำเนินความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดและขยายความร่วมมือต่างๆ แลว้ จะได้มุ่งเน้นการกระชับความสัมพันธ์กับกาตาร์ ซึ่งเป็นประเทศมุสลิมสายกลางและมีบทบาทที่โดดเด่นในภูมิภาค และจะใช้โอกาสนี้หาแนวทางการพัฒนาความสัมพันธ์และขยายความร่วมมือให้ครอบคลุมในทุกมิติ การขยายความร่วมมือในด้านต่างๆ เช่น ความร่วมมือด้านการเมืองและทหาร ซึ่งมีการลงนามความตกลงว่าด้วยความร่วมมือด้านการป้องกันประเทศ เมื่อมีนาคม 2555 ความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ เช่น การก่อสร้าง ความมั่นคงทางอาหาร ภาคบริการ ความร่วมมือด้านการศึกษา และความร่วมมือด้านพลังงาน ที่ไทยจะทำข้อตกลงซื้อขาย LNG ในระยะยาว การผลักดันและส่งเสริมลู่ทางการขยายความร่วมมือด้านเศรษฐกิจระหว่างกัน โดยเฉพาะการลงทุนในไทย ที่กาตาร์มองว่ามีศักยภาพและมีเศรษฐกิจที่ขยายตัว ซึ่งที่ผ่านมากาตาร์แสดงความสนใจที่จะเข้ามาลงทุนในไทยหลายด้าน ทั้งตลาดหลักทรัพย์ การบริการ โรงแรม โรงพยาบาล และภาคอุตสาหกรรมผลิตอาหาร ซึ่งคาดหวังว่าการพบปะหารือในครั้งนี้จะได้ติดตามและเร่งรัด รวมทั้งขจัดอุปสสรคต่างๆ เพื่อให้ความร่วมมือเกิดผลเป็นรูปธรรม
นอกจากนี้ ในการเยือนทั้งบาห์เรนและกาตาร์ ของนายกรัฐมนตรี จะมีคณะนักธุรกิจไทยกว่า 50 ราย จาก 40 บริษัท และ 15 รายจากสมาคมต่างๆ จาก สาขา คือ ก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์ การเงิน ธนาคารและการลงทุน เกษตรและอาหาร พลังงาน ท่องเที่ยว และอุตสาหกรรมอาหารฮาลาล ร่วมคณะด้วย เพื่อสนับสนุนให้มีความร่วมมืออย่างใกล้ชิดระหว่างภาครัฐและเอกชนในการบุกเบิกตลาดในภูมิภาคตะวันออกกลางเพื่อสนับสนุนให้ภาคเอกชนได้มีโอกาสสร้างเครือข่าย (networking) กับภาครัฐและเอกชนของกาตาร์และบาห์เรน ตลอดจนมีโอกาสสำคัญทางธุรกิจในบาห์เรนและกาตาร์