หน้า: 1

ชนิดกระทู้ ผู้เขียน กระทู้: เมื่อรัฐบาล กำลัง "ดูถูก ชาวนา"...???  (อ่าน 2642 ครั้ง)
add
เรทกระทู้
« เมื่อ: 7 ต.ค. 12, 00:25 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
Send E-mail

แบ่งปันกระทู้นี้ให้เพื่อนคุณอ่านไหมคะ?

ปิดปิด
 
เมื่อรัฐบาล กำลัง "ดูถูก ชาวนา"...???

q*021q*096q*021



ไม่ว่าจะกี่ยุค กี่สมัย ประเด็นโต้แย้ง ในเรื่องของข้าวและชาวนา ซึ่งเป็นสินค้าทางการเกษตร ยอดขายติดอันดับหนึ่งของโลก มาหลายปีซ้อน

แต่ชาวนาไทย ก็ยังคงยากจนอยู่เหมือนเดิม

"อาชีพ...ทำนา" ก็คงหนีไม่พ้น ที่จะตกเป็นเป้านิ่งของประเด็นทางการเมือง อย่างขาดไปเสียมิได้

ความเสี่ยงของชาวนา ที่หลังสู้ฟ้าหน้าสู้ดิน แบ่งออกได้เป็นหลายกลุ่ม ดังต่อไปนี้คือ

1. ไม่มีที่นา เป็นของตัวเอง ต้องเช่านายทุน ได้เวลาเก็บเกี่ยวผลผลิต หักลบกลบหนี้แล้ว ก็แทบไม่เหลือ โดยเฉพาะแถบจังหวัด ที่ไม่อยู่ในเขตชลประทาน ทำนาได้เพียงแค่ปีละหนเดียว

2. มีที่นา เป็นของตัวเอง ผลผลิต ไม่เป็นไปตามที่คาดหมาย เพราะมีปัจจัยเสี่ยงในเรื่องของสภาวะแวดล้อม เข้ามามีผล ทำให้ข้าวเจริญงอกงามได้ไม่เต็มที่

3. มีที่นา เป็นของตัวเอง และเช่าเพิ่มจากญาติพี่น้องและนายทุน โดยคาดหวังว่า จะผ่านจุดคุ้มทุนได้ มีกำไรเป็นกอบเป็นกำ โดยลืมมองไปว่า

เสี่ยงปีละครั้ง ถ้าดีก็ดีเลย ถ้าแย่ ก็เป็นหนี้ เป็นสิน ปีหน้า ค่อยว่ากันใหม่



การใช้เครื่องมือ อุปกรณ์ทางการเกษตร ปัจจุบัน เครื่องจักรกล ได้เข้ามามีบทบาทสำคัญ และเป็นอีกหนึ่งต้นทุน ที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ในปัจจุบัน เนื่องจากค่าแรงที่สูงขึ้น

"เพราะ...ต้นทุนการผลิต ต่ำกว่า แรงงานคน"

ปัจจุบันชาวนาในเขตพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา ที่รับจ้างในภาคการเกษตร ค่าแรงขั้นต่ำวันละ 255 บาท ตามนโยบายของรัฐบาล ถ้าจ้างต่ำกว่านี้ ก็แทบจะไม่มีใครทำ

ค่าปุ๋ย ค่ายากำจัดศัตรูพืช ค่าน้ำมัน ยิ่งไม่ต้องพูดถึง



อาชีพการทำนาของคนภาคอิสาน คือ อาชีพของผู้เฒ่าผู้แก่ ที่ต้องทำงาน หาเลี้ยงชีพ ในช่วงบั้นปลายของชีวิต

ที่พยายามพึ่งตัวเอง ให้ได้มากที่สุด ไม่ต้องการ พึ่งพาลูกหลาน ขอให้มีรายได้ไปวันๆ นั่นคือความสุขของท่านเหล่านั้น


ลองสังเกตุดูได้ว่า ถ้าลองแวะไปเยี่ยมเยียนชาวบ้าน ในแต่ละหมู่บ้าน

เราก็จะพบชาวบ้านที่สูงวัยกับเด็ก ที่ลูกๆของเขา นำมาฝากให้เลี้ยงดู

ส่วนวัยรุ่น หรือวัยทำงาน เมื่อจบการศึกษา ก็จะมุ่งเข้าสู่กรุงเทพฯหรือหัวเมืองใหญ่ เพื่อหางานทำ

แล้วชาวบ้านล่ะ เค้าอยู่ที่บ้าน เค้าอยู่กันอย่างไร เค้าทำงานอะไรกัน

ก็คงหนีไม่พ้น อาชีพของบรรพบุรุษ ที่เราต้องทานกันอยู่ทุกวัน วันละ 3 มื้อ นี่ล่ะครับ



ถามว่า "เมื่อเราปลูกสินค้า ขึ้นมาซักชนิดหนึ่ง เราอยากขาย ให้ได้ราคาหรือไม่"...???

ทุกท่าน คงจะตอบว่า "ใช่" ตามที่ผมคาดเดา

ชาวบ้านก็เช่นกัน เมื่อปลูกแล้ว ก็คาดหวังว่า จะได้ราคาดั่งที่ตัวเองหวังไว้และหรือ รัฐบาลในยุคนั้นๆ วาดฝันไว้

ผมเชื่อว่า เกษตรกร ทุกคน ย่อมมีศักดิ์ของตนเอง มิได้หวังพึ่งรัฐบาลแต่อย่างใด

แต่...ด้วยความคุ้นเคยหรือเคยชิน กับโครงสร้างของราคา ที่ทุกๆ รัฐบาล ได้วาดฝันไว้ ให้แก่ชาวบ้านเหล่านั้น

จึงเกิดเป็นพฤติกรรม ความเคยชิน ที่ "ราคา...จะต้องอิงกับรัฐบาลเสมอไป"



หลายๆ ครั้ง ที่ผมพยายามนำเสนอความเห็นว่า

"ถ้าอะไรที่ทำไปแล้ว ไม่ดี ไม่เป็นไปตามความคาดหมาย ก็ควรที่จะต้องเปลี่ยนหรือปรับปรุงวิธีการ"

เฉกเช่นเดียวกัน กับการทำเกษตรของชาวนาไทย

บางครั้ง ก็เข้าใจว่า เป็นอาชีพของบรรพบุรุษ แต่ถ้ายังคงทำอยู่เพียงอย่างเดียว

โดยไม่ปรับเปลี่ยนหรือปรับปรุง ก็คงต้องพึ่งรัฐบาล ไปอีกนานเท่านาน

เรื่องนี้จะไปโทษชาวนา 100% นั้นคงเป็นไปไม่ได้

เพราะเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นนั้น "เกิดจาก...ความหวังดี ของรัฐบาล"

ระวังจะกลายเป็นการ "ดูถูก...ชาวนา" ในทางอ้อมครับ



ลำตะคอง ณ.สนุกการเมือง

ขอบคุณภาพจากอินเตอร์เน็ต



q*021q*096q*021



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 7 ต.ค. 12, 01:03 น โดย lumtakong » noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า

กระทู้ฮอตในรอบ 7 วัน

add
เรทกระทู้
« ตอบ #1 เมื่อ: 7 ต.ค. 12, 03:09 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 
ได้ยินแต่ชาวนาจะเลือกนายกคนเดิมกลับมาบริหารงานต่อ และหลายคนที่เป็นชาวนาก็กำลังจะซื้อที่เพิ่มเติม ผมเองก็ไปซื้อมาเพิ่มอีกแล้วยี่สิบไร่เพื่อปลูกข้าว ถ้าลำตะมีญาติหนีน้ำท่วมก็ติดต่อมานะ จะทำบุญช่วยแบ่งที่ให้อาศัยกันอยู่ ตอนนี้ผมมีอยู่ในมือเกือบร้อยไร่แล้วหล่ะ แต่ให้ญาติทำกิน แค่นี้ก็มีพอให้บินเที่ยวต่างประเทศอีกหลายปีเลยหล่ะท่าน ยิ่งราคาข้าวแบบนี้ดีวันดีคืน นั่งกระดิกนี้วรับเงินและรอวันเลือกตั้งก็เลือกพรรคเพื่อไทยกลับมาเป็นรัฐบาล โห..... สุขขี จริงๆ q*071q*071q*071


noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
add
เรทกระทู้
« ตอบ #2 เมื่อ: 7 ต.ค. 12, 07:41 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 

รัฐบาล กำลังช่วยชาวนาครับ

noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
add
เรทกระทู้
« ตอบ #3 เมื่อ: 7 ต.ค. 12, 10:50 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 
จะว่าไปแล้ว ความจริงที่เห็นตรงหน้า..ปัญหาที่ชาวนาประสบ
ผมว่าทุกคน ทุกพรรคการเมือง รู้เรื่องพวกนี้ดีพออยู่แล้ว...
เหมือนกันเป็นการท่องสูตรคูณ ของเด็ก ๆ ประถมเลยก็ว่าได้...
แต่แปลกไหม? ...ตั้งแต่ปี 2475 เราเปลี่ยนแปลงกันมากี่รัฐบาล
แล้ว...ชาวนา ชาวไร่ ก็ยังแกร่ว กันอยู่ที่เดิม...ไม่มีคำว่าเริ่มต้น
ใหม่สักที...หรือมีคำว่าโชติช่วงชัชวาล เหมือนอย่างที่ควรจะเป็น
เป็นประเทศที่มีพื้นที่เกษตรกรรม และการเพาะปลูกข้าวมากมาย
เป็นประเทศที่่ส่งออกข้าวไปขายติดอันดับหนึ่งของโลก...แต่
ขอประทานโทษ....ชาวนาทุกวันนี้เขาเปลี่ยนผ่านมากี่ชั่วโคตรแล้ว
ก็ยังคงจนกรอบ อยู่ในวังวนของคนจนจน เหมือนเดิมมิเคย...
เปลี่ยนแปลง...มีแต่รัฐบาลต่าง ๆ ที่ผ่านมากลายร่างผ่านไปเท่านั้น
จนอย่างไร ก็ยังคงจนอยู่เช่นเดิม...ไม่มีใครเริ่มต้นจุดประกาย...
ช่วยให้เขามีรายได้อย่างจริงจัง สักคน สักพรรค สักรัฐบาล..
พอจะมีการกระทำให้มันเห็นผล....ก็โดนโจมตี เหมือนที่เห็นกัน...

จริงๆ นั้นต้องบอกกันว่า มันดีหรือไม่ โครงการรับจำนำแบบนี้
ต้องดูไปที่เนื้องาน...วัตถุประสงค์ และผลที่จะได้ติดตามมา...
แต่ก็อย่าลืมมองข้าม เรื่องของการบริหารจัดการให้มันอยู่ในระบบ
อยู่ในกฎกติกา อยู่ในมาตรฐาน และอย่าให้เกิดคอรัปชั่นเท่านั้นเอง
ทุกโครงการหวังดีกันทั้งนั้น...แต่หันหลังให้กับการบริหารจัดการ
การดำเนินงานอย่างโปร่งใส การป้องกันไม่ให้เหลือบไร เข้าไป
ไชชอน เป็นเสือนอนกินนั่นต่างหาก....ทีี่ไม่พยายามพูดหรือสื่อ
ถึงกัน....สาระสำคัญมันอยู่กันที่จุดนี้ อุดรอยรั่วได้ ไม่มีฝ่ายใด
มามั่ว เอาข้อมูลเรื่องชั่ว ๆ มาโจมตีกันได้...หรือป้องกันได้จริง
สิ่งที่เห็น และเป็นคุณูปการสำหรับชาวนา ชาวบ้าน มีทางเกิด
กันได้ทั้งนั้น...ฉนั้น จริงใจ หรือจริงโจ้ หรือเอาแต่โม้กันไปวันๆ
มันก็อยู่ที่พวกท่านนั่นแหล่ะ ไม่ว่า จะรัฐบาลหรือฝ่ายค้าน....
ทำหน้าที่ของตนเองดีพอกันหรือยัง...ดีกว่ามานั่งชี้หน้าด่าว่า
กันไปมา....หน้าที่ใครหน้าที่มัน ทำให้เต็มที่ เต็มสูบ...
อย่ามุ่งหวังเอาแต่สูบเลือดกับปู หรืองบประมาณ หรือตั้งหน้า
ตั้งตา ค้านมันอย่างเดียว เพียงเพื่อหวังผลกันทางการเมือง...
แล้วก็เที่ยวสร้างเรื่องป่วนกัน เพียงหวังว่าจะได้กลับมามีอำนาจ
หากคาดหวังกันอย่างนี้...ชาวนาก็มีแต่ถูกจับ เป็นตัวประกันนั่นเอง


บางครั้งรู้แล้วทำไม่ได้...หรือไม่เคยคิดจะทำให้มันเห็นผล
ข้อมูลดี ๆ ทั้งหมด....ก็คงเหมือนกับถูกกลบด้วยเรื่อง...
ของความจริงใจ ใสใจ ที่มีให้กับชาวนาอย่างแท้จริง...
เพราะมัวแต่ไปอิง หวังสิ่งที่เรียกว่า ประโยชน์ทางการเมืองกัน
noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
add
เรทกระทู้
« ตอบ #4 เมื่อ: 7 ต.ค. 12, 13:31 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 
ได้ยินแต่ชาวนาจะเลือกนายกคนเดิมกลับมาบริหารงานต่อ และหลายคนที่เป็นชาวนาก็กำลังจะซื้อที่เพิ่มเติม ผมเองก็ไปซื้อมาเพิ่มอีกแล้วยี่สิบไร่เพื่อปลูกข้าว ถ้าลำตะมีญาติหนีน้ำท่วมก็ติดต่อมานะ จะทำบุญช่วยแบ่งที่ให้อาศัยกันอยู่ ตอนนี้ผมมีอยู่ในมือเกือบร้อยไร่แล้วหล่ะ แต่ให้ญาติทำกิน แค่นี้ก็มีพอให้บินเที่ยวต่างประเทศอีกหลายปีเลยหล่ะท่าน ยิ่งราคาข้าวแบบนี้ดีวันดีคืน นั่งกระดิกนี้วรับเงินและรอวันเลือกตั้งก็เลือกพรรคเพื่อไทยกลับมาเป็นรัฐบาล โห..... สุขขี จริงๆ q*071q*071q*071

ขอบคุณมาก สำหรับความเห็นของนายทุนจากแดนไกล ที่ยังอุตส่าห์ส่งความห่วงใยมาให้แก่คนไทยที่ยากไร้

โดยการ ช่วยซื้อที่นา ครับ
q*020

cocococococo
noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
add
เรทกระทู้
« ตอบ #5 เมื่อ: 7 ต.ค. 12, 13:35 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 
รัฐบาล กำลังช่วยชาวนาครับ

ภาคการเกษตร บ้านเรา กำลังปรับเปลี่ยนไปเป็น "อุตสาหกรรมการเกษตร" ส่วนใหญ่ เท่าที่ผมเห็น

ชาวนา ถ้าจะทำให้มีกำไร ต้องทำนา อย่างน้อย 100 ไร่ขึ้นไป

เพราะเท่าที่เห็น ต้องมีเครื่องจักรกล เข้ามาเป็นตัวช่วย ซึ่งรายเล็กๆ ลงทุนจ้างมา ก็ไม่น่าจะคุ้มทุนครับ


q*021q*096q*021
noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
add
เรทกระทู้
« ตอบ #6 เมื่อ: 7 ต.ค. 12, 13:50 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 
จะว่าไปแล้ว ความจริงที่เห็นตรงหน้า..ปัญหาที่ชาวนาประสบ
ผมว่าทุกคน ทุกพรรคการเมือง รู้เรื่องพวกนี้ดีพออยู่แล้ว...
เหมือนกันเป็นการท่องสูตรคูณ ของเด็ก ๆ ประถมเลยก็ว่าได้...
แต่แปลกไหม? ...ตั้งแต่ปี 2475 เราเปลี่ยนแปลงกันมากี่รัฐบาล
แล้ว...ชาวนา ชาวไร่ ก็ยังแกร่ว กันอยู่ที่เดิม...ไม่มีคำว่าเริ่มต้น
ใหม่สักที...หรือมีคำว่าโชติช่วงชัชวาล เหมือนอย่างที่ควรจะเป็น
เป็นประเทศที่มีพื้นที่เกษตรกรรม และการเพาะปลูกข้าวมากมาย
เป็นประเทศที่่ส่งออกข้าวไปขายติดอันดับหนึ่งของโลก...แต่
ขอประทานโทษ....ชาวนาทุกวันนี้เขาเปลี่ยนผ่านมากี่ชั่วโคตรแล้ว
ก็ยังคงจนกรอบ อยู่ในวังวนของคนจนจน เหมือนเดิมมิเคย...
เปลี่ยนแปลง...มีแต่รัฐบาลต่าง ๆ ที่ผ่านมากลายร่างผ่านไปเท่านั้น
จนอย่างไร ก็ยังคงจนอยู่เช่นเดิม...ไม่มีใครเริ่มต้นจุดประกาย...
ช่วยให้เขามีรายได้อย่างจริงจัง สักคน สักพรรค สักรัฐบาล..
พอจะมีการกระทำให้มันเห็นผล....ก็โดนโจมตี เหมือนที่เห็นกัน...

จริงๆ นั้นต้องบอกกันว่า มันดีหรือไม่ โครงการรับจำนำแบบนี้
ต้องดูไปที่เนื้องาน...วัตถุประสงค์ และผลที่จะได้ติดตามมา...
แต่ก็อย่าลืมมองข้าม เรื่องของการบริหารจัดการให้มันอยู่ในระบบ
อยู่ในกฎกติกา อยู่ในมาตรฐาน และอย่าให้เกิดคอรัปชั่นเท่านั้นเอง
ทุกโครงการหวังดีกันทั้งนั้น...แต่หันหลังให้กับการบริหารจัดการ
การดำเนินงานอย่างโปร่งใส การป้องกันไม่ให้เหลือบไร เข้าไป
ไชชอน เป็นเสือนอนกินนั่นต่างหาก....ทีี่ไม่พยายามพูดหรือสื่อ
ถึงกัน....สาระสำคัญมันอยู่กันที่จุดนี้ อุดรอยรั่วได้ ไม่มีฝ่ายใด
มามั่ว เอาข้อมูลเรื่องชั่ว ๆ มาโจมตีกันได้...หรือป้องกันได้จริง
สิ่งที่เห็น และเป็นคุณูปการสำหรับชาวนา ชาวบ้าน มีทางเกิด
กันได้ทั้งนั้น...ฉนั้น จริงใจ หรือจริงโจ้ หรือเอาแต่โม้กันไปวันๆ
มันก็อยู่ที่พวกท่านนั่นแหล่ะ ไม่ว่า จะรัฐบาลหรือฝ่ายค้าน....
ทำหน้าที่ของตนเองดีพอกันหรือยัง...ดีกว่ามานั่งชี้หน้าด่าว่า
กันไปมา....หน้าที่ใครหน้าที่มัน ทำให้เต็มที่ เต็มสูบ...
อย่ามุ่งหวังเอาแต่สูบเลือดกับปู หรืองบประมาณ หรือตั้งหน้า
ตั้งตา ค้านมันอย่างเดียว เพียงเพื่อหวังผลกันทางการเมือง...
แล้วก็เที่ยวสร้างเรื่องป่วนกัน เพียงหวังว่าจะได้กลับมามีอำนาจ
หากคาดหวังกันอย่างนี้...ชาวนาก็มีแต่ถูกจับ เป็นตัวประกันนั่นเอง


บางครั้งรู้แล้วทำไม่ได้...หรือไม่เคยคิดจะทำให้มันเห็นผล
ข้อมูลดี ๆ ทั้งหมด....ก็คงเหมือนกับถูกกลบด้วยเรื่อง...
ของความจริงใจ ใสใจ ที่มีให้กับชาวนาอย่างแท้จริง...
เพราะมัวแต่ไปอิง หวังสิ่งที่เรียกว่า ประโยชน์ทางการเมืองกัน


เท่าที่ผมมอง ชาวนา มี 2 ทางเลือก (ถ้าคิดที่จะพึ่งพาตัวเองให้ได้มากที่สุด) คือ

1. กลับไปใช้วิถีพอเพียงในรูปแบบของชาวนาเงินล้าน แห่งบางปลาม้า สุพรรณบุรี




2. ปรับเปลี่ยนวิธี การดำรงค์ชีวิต ในรูปแบบของผู้ใหญ่ 5 ไร่ใช้หนี้เงินล้านใน 5 ปี



q*021q*096q*021
noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
add
เรทกระทู้
« ตอบ #7 เมื่อ: 7 ต.ค. 12, 15:19 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 
เราสอนแต่ให้กินปลา แต่ไม่เคยสอนให้รู้วิธีการจับปลา...
สอนแต่ทฤษฎี แต่ไม่เคยคิดที่จะมีศูนย์ปฎิบัติการ...
และทำการทดลอง แสดงศักยภาพให้ชาวนาได้เห็น
และได้เรียนรู้กันอย่างจริงจัง...ส่วนใหญ่แค่ผักชีโรยหน้า
ใช้แต่วาทะกรรม....ปั่นเพียงแค่หวังให้ตนเองดูดี...
ดังนั้น.."คำัสัญญา"...เทีียบค่าไม่ได้กับการ "ลงมือกระทำ"
ท่องกันแต่เรื่องพอเพียง...แต่ความหมายและปฎิบัติอย่างไร?
ไม่เคยมีใครนำองค์ความรู้มาใช้ มาสอนกันอย่างจริงจัง...
เพราะบางครั้ง หน่วยงานที่มีหน้าที่ปชส.เองแท้ๆ ยังไม่รู้แม้
กระทั่ง....ความหมายและมันต้องเริ่มจากตรงไหนกันเลย...หึหึหึ

ฉนั้น จะมีกันสักกี่คน...ในล้านคน จะมีกี่คน ที่ทำได้อย่างที่ว่ามา
noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
add
เรทกระทู้
« ตอบ #8 เมื่อ: 7 ต.ค. 12, 19:04 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 
รัฐบาลกำลังช่วยใหห้ชาวนากลายเป็นคนเห็นแก่ตัวเห็นแก่ได้..อย่างที่ไม่เคยมีที่รัฐบาลไหนเขาทำกัน..


จำนำข้าว:คนในชาติได้อะไร

โครงการรับจำนำข้าวทุกเม็ดของรัฐบาล ตันละ 15,000 บาท กลายเป็นเรื่องร้อนทางการเมืองที่ถูกหลายฝ่ายออกมาวิพากษ์วิจารณ์ว่า การเข้าไปช่วยเหลือเกษตรกรชาวนาสุดท้ายจะเป็นการสร้างปัญหาทั้งเรื่องกลไกตลาดที่บิดเบี้ยว เนื่องจากการเข้าไปผูกขาดตลาดข้าว และเม็ดเงินที่นำไปใช้ในรอบปีการผลิต2555/2556 จำนวนมหาศาล 4.05 แสนล้านบาท จากงบประมาณของประเทศ ก็จะกลายเป็นหนี้สาธารณะตกเป็นภาระของประชาชนทั้งประเทศ จากความผิดพลาดในการบริหารประเทศของรัฐบาลภายใต้การนำของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของไทยจากพรรคเพื่อไทย



ไม่เพียงเพราะชื่อและวิธีการที่ดูประหลาด ซึ่งการจำนำนั้นจะต้องต่ำกว่าราคาจริง แต่รัฐบาลกลับให้ราคาจำนำสูงกว่าตลาด แล้วอย่างนี้จะมีใครไถ่ถอน และหากรัฐบาลยังขายข้าวไม่ได้ก็จะมีต้นทุนค่าใช้จ่ายสูงมาก ที่สำคัญข้าวที่มาจำนำก็มีทั้งของจริงและสต็อกลม ไม่สามารถป้องกันการทุจริตได้ ที่สำคัญผู้ที่จะได้รับผลประโยชน์ไปเต็มๆ ก็ไม่ใช่ชาวนา แต่กลับเป็นนายทุน กลุ่มโรงสีที่เกี่ยวเนื่องกับคนของรัฐ ข้าราชการ รวมทั้งนักการเมืองที่รับไปเนื้อๆ ซึ่งที่ผ่านมาก็มีการจับกุมการทุจริตให้เห็นในหลายพื้นที่




http://www.komchadluek.net/detail/20121007/141727/%E0%B8%88%E0%B8%B3%E0%B8%99%E0%B8%B3%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%A7:%E0%B8%84%E0%B8%99%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B9%84%E0%B8%94%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%B0%E0%B9%84%E0%B8%A3.html
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 7 ต.ค. 12, 19:19 น โดย intervintion » noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
add
เรทกระทู้
« ตอบ #9 เมื่อ: 7 ต.ค. 12, 20:58 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 

เรื่องจริงไม่อิงนิยาย..!!..เชื่อหรือไม่ครับ .. ชาวนาไทยส่วนใหญ่มากๆไม่ค่อยชอบหรือสนับสนุนนโยบายของปชป.....ด้วยสาเหตุที่แท้จริงล่ะไม่ค่อยจะรู้!!แต่ความเป็นจริงเป็นเช่นนั้นครับ!!...เชื่อหลานชาวนาอย่างทองผาเถอะครับ!!



noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
add
เรทกระทู้
« ตอบ #10 เมื่อ: 7 ต.ค. 12, 22:51 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 
ผม..อาศัยอยู่ในหมู่บ้าน มีประชากร150กว่าหลังคาเรือน..อาชีพหลัก ทำนา พื้นนาทั้งหมดของหมู่บ้าน จากทะเบียนที่ดูได้จากบ้านผู้ใหญ่บ้าน..มีพื้นที่5000กว่าไร่..
ใช้ประโยชน์ตลอดกาล..ว่างเว้น ไม่เกิน15วัน..ไถกลบต้นข้าว..หมัก แล้วตีเถือก..หว่าน..
หากปีนึง..สามารถทำได้ถึง5ครั้ง..ชาวนาคงไม่ปล่อยให้เสียเวลา..
ผลจากการผลิต..ข้าวคุณภาพต่ำ..ทำน้ำหนักได้ไม่ดีนัก..
โรคและแมลง..มีแหล่งขยายพันธุ์ได้ทั้งปี..(เสียค่ายาปราบ ยารักษา..ยาฆ่าหอยเชอรี่)
แต่...ชาวนาสบายกว่าเดิมแย๊ะ..ไม่ต้องไปง้องอนแขกมาเกี่ยวข้าว..ไม่ต้องทำบาป..เชือดคอไก่เลี้ยงแขก..
ใช้บริการรถเกี่ยวข้าว..อย่างมาก ก็แจกข้าวมันไก่คนละ2กล่อง..เลิกงานตอนเย็น เลี้ยงเหล้าขาว พร้อมผสมเครื่องดื่มชูกำลังผสมลงไป..
ชาวนา..เก่งปลูกข้าว..
ชาวนา..ไช่พ่อค้า เทือกเหล่า ก้อ..ไม่เคยค้า..เลยขายข้าวจะได้..ก็แล้วแต่รัฐบาล..
แล้วแต่รัฐบาลจะขายให้ได้เท่าไร...
ไม่ได้เจาะจงแต่รัฐบาลนี้โดยฌฉพาะหรอกนะครับ..
เพราะรัฐบาลไหนๆ..ก็ไม่เห็นว่า..ราคาข้าว..จะเทียบเท่าราคาทองคำ..ในสมัยก่อน..เคยเป็นไปแล้ว..ข้าวราคาเกวียนละ400บาท..ทองคำก็บาทละ400บาทเช่นเดียวกัน..
แต่..มันน๊าน..นานมาแล้ว..พูดไปเหมือนคนเพ้อเจ้อ..คงเป็นไปไม่ได้หรอก..
noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
add
เรทกระทู้
« ตอบ #11 เมื่อ: 7 ต.ค. 12, 23:16 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 
เราสอนแต่ให้กินปลา แต่ไม่เคยสอนให้รู้วิธีการจับปลา...
สอนแต่ทฤษฎี แต่ไม่เคยคิดที่จะมีศูนย์ปฎิบัติการ...
และทำการทดลอง แสดงศักยภาพให้ชาวนาได้เห็น
และได้เรียนรู้กันอย่างจริงจัง...ส่วนใหญ่แค่ผักชีโรยหน้า
ใช้แต่วาทะกรรม....ปั่นเพียงแค่หวังให้ตนเองดูดี...
ดังนั้น.."คำัสัญญา"...เทีียบค่าไม่ได้กับการ "ลงมือกระทำ"
ท่องกันแต่เรื่องพอเพียง...แต่ความหมายและปฎิบัติอย่างไร?
ไม่เคยมีใครนำองค์ความรู้มาใช้ มาสอนกันอย่างจริงจัง...
เพราะบางครั้ง หน่วยงานที่มีหน้าที่ปชส.เองแท้ๆ ยังไม่รู้แม้
กระทั่ง....ความหมายและมันต้องเริ่มจากตรงไหนกันเลย...หึหึหึ

ฉนั้น จะมีกันสักกี่คน...ในล้านคน จะมีกี่คน ที่ทำได้อย่างที่ว่ามา


การเสพติด ประชานิยม น่าห่วงมาก เพราะว่า "งบประมาณเฉพาะโครงการจำนำข้าว โครงการเดียว ใช้งบฯมากถึง 20% ของงบฯทั้งหมด 2.4 ล้านล้าน"

ฟันเฟืองที่สำคัญของรัฐฯ คือ ธกส. บทบาทน้อยลง

งานส่วนใหญ่จะตกไปอยู่ในมือของเอกชนรายใหญ่บางกลุ่ม ที่ได้สิทธิในการเข้าโครงการ

แม้แต่ผู้ใหญ่ในบ้านเมือง ท่านสุกำพล ยังบอกว่า "รับได้...กับการทุจริตในโครงการ"

นี่บ้านเมืองเราบ้ากันใหญ่แล้ว แทนที่จะหามาตราการป้องกันและรีบแก้ไขอย่างเร่งด่วนครับ

q*021q*096q*021
noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
add
เรทกระทู้
« ตอบ #12 เมื่อ: 7 ต.ค. 12, 23:48 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 
รัฐบาลกำลังช่วยใหห้ชาวนากลายเป็นคนเห็นแก่ตัวเห็นแก่ได้..อย่างที่ไม่เคยมีที่รัฐบาลไหนเขาทำกัน..


จำนำข้าว:คนในชาติได้อะไร

โครงการรับจำนำข้าวทุกเม็ดของรัฐบาล ตันละ 15,000 บาท กลายเป็นเรื่องร้อนทางการเมืองที่ถูกหลายฝ่ายออกมาวิพากษ์วิจารณ์ว่า การเข้าไปช่วยเหลือเกษตรกรชาวนาสุดท้ายจะเป็นการสร้างปัญหาทั้งเรื่องกลไกตลาดที่บิดเบี้ยว เนื่องจากการเข้าไปผูกขาดตลาดข้าว และเม็ดเงินที่นำไปใช้ในรอบปีการผลิต2555/2556 จำนวนมหาศาล 4.05 แสนล้านบาท จากงบประมาณของประเทศ ก็จะกลายเป็นหนี้สาธารณะตกเป็นภาระของประชาชนทั้งประเทศ จากความผิดพลาดในการบริหารประเทศของรัฐบาลภายใต้การนำของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของไทยจากพรรคเพื่อไทย



ไม่เพียงเพราะชื่อและวิธีการที่ดูประหลาด ซึ่งการจำนำนั้นจะต้องต่ำกว่าราคาจริง แต่รัฐบาลกลับให้ราคาจำนำสูงกว่าตลาด แล้วอย่างนี้จะมีใครไถ่ถอน และหากรัฐบาลยังขายข้าวไม่ได้ก็จะมีต้นทุนค่าใช้จ่ายสูงมาก ที่สำคัญข้าวที่มาจำนำก็มีทั้งของจริงและสต็อกลม ไม่สามารถป้องกันการทุจริตได้ ที่สำคัญผู้ที่จะได้รับผลประโยชน์ไปเต็มๆ ก็ไม่ใช่ชาวนา แต่กลับเป็นนายทุน กลุ่มโรงสีที่เกี่ยวเนื่องกับคนของรัฐ ข้าราชการ รวมทั้งนักการเมืองที่รับไปเนื้อๆ ซึ่งที่ผ่านมาก็มีการจับกุมการทุจริตให้เห็นในหลายพื้นที่




http://www.komchadluek.net/detail/20121007/141727/%E0%B8%88%E0%B8%B3%E0%B8%99%E0%B8%B3%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%A7:%E0%B8%84%E0%B8%99%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B9%84%E0%B8%94%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%B0%E0%B9%84%E0%B8%A3.html

เฮ่อ เฮ่อ เฮ่อ ขออนุญาติ "ขำ" หน่อยนะครับ คุณอินเตอร์ฯ

เผอิญ...ผมเพิ่งจะเขียนคอมเม้นท์ถึงน้าพัน ด้านบน

บอกตามตรงว่า "ผมยังไม่ได้อ่านข่าว ที่คุณ อินเตอร์ นำมาฝากเลยครับ"

แสดงว่า นักข่าวเนชั่น คิดตรงกัน เช่นเดียวกันกับผมนะ

ผมเข้าบอร์ดมาสามปี มีรอบนี้ ฮาจริงๆ 555
q*020

cocococococo
noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
add
เรทกระทู้
« ตอบ #13 เมื่อ: 8 ต.ค. 12, 00:00 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 
เรื่องจริงไม่อิงนิยาย..!!..เชื่อหรือไม่ครับ .. ชาวนาไทยส่วนใหญ่มากๆไม่ค่อยชอบหรือสนับสนุนนโยบายของปชป.....ด้วยสาเหตุที่แท้จริงล่ะไม่ค่อยจะรู้!!แต่ความเป็นจริงเป็นเช่นนั้นครับ!!...เชื่อหลานชาวนาอย่างทองผาเถอะครับ!!

ตรงไป ตรงมา นะครับ คุณทองผา

ผมไม่เห็นด้วย ทั้งสองโครงการ...แต่ ถ้า....ประเทศไทย มีสูตรสำเร็จ ที่จะช่วยชาวนา

มีเพียงแค่ 2 ทางเลือก ผมจึงเลือกที่จะสนับสนุนโครงการประกันรายได้

เพราะ "เม็ดเงิน ทั้งทางตรง โดยการขายข้าว และทางอ้อม โดยการรับเงินโอนจาก ธกส."

พ่อค้าคนกลางหรือแม้กระทั่งโรงสีข้าว ถูกตัดตอน โดยสิ้นเชิง

รัฐบาล ไม่ต้องมารับภาระ ในการอุ้มสต็อค จัดเก็บ เก็บแล้วสินค้าอยู่หรือไม่ จะกลับกลายเป็น "สต็อคลม" เหมือนในอดีตหรือเปล่า

"ขายข้าว...แพง" จะไปขาย ที่ไหน โอ๊ยโหยว ยุ่งน่าดู

และที่สำคัญ งบฯ ที่ต้องทุ่มลงไป (ขาดทุน) มันมากกว่า การประกันรายได้ หลายเท่าตัวครับ


q*021q*096q*021
noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
add
เรทกระทู้
« ตอบ #14 เมื่อ: 8 ต.ค. 12, 00:29 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 
ผม..อาศัยอยู่ในหมู่บ้าน มีประชากร150กว่าหลังคาเรือน..อาชีพหลัก ทำนา พื้นนาทั้งหมดของหมู่บ้าน จากทะเบียนที่ดูได้จากบ้านผู้ใหญ่บ้าน..มีพื้นที่5000กว่าไร่..
ใช้ประโยชน์ตลอดกาล..ว่างเว้น ไม่เกิน15วัน..ไถกลบต้นข้าว..หมัก แล้วตีเถือก..หว่าน..
หากปีนึง..สามารถทำได้ถึง5ครั้ง..ชาวนาคงไม่ปล่อยให้เสียเวลา..
ผลจากการผลิต..ข้าวคุณภาพต่ำ..ทำน้ำหนักได้ไม่ดีนัก..
โรคและแมลง..มีแหล่งขยายพันธุ์ได้ทั้งปี..(เสียค่ายาปราบ ยารักษา..ยาฆ่าหอยเชอรี่)
แต่...ชาวนาสบายกว่าเดิมแย๊ะ..ไม่ต้องไปง้องอนแขกมาเกี่ยวข้าว..ไม่ต้องทำบาป..เชือดคอไก่เลี้ยงแขก..
ใช้บริการรถเกี่ยวข้าว..อย่างมาก ก็แจกข้าวมันไก่คนละ2กล่อง..เลิกงานตอนเย็น เลี้ยงเหล้าขาว พร้อมผสมเครื่องดื่มชูกำลังผสมลงไป..
ชาวนา..เก่งปลูกข้าว..
ชาวนา..ไช่พ่อค้า เทือกเหล่า ก้อ..ไม่เคยค้า..เลยขายข้าวจะได้..ก็แล้วแต่รัฐบาล..
แล้วแต่รัฐบาลจะขายให้ได้เท่าไร...
ไม่ได้เจาะจงแต่รัฐบาลนี้โดยฌฉพาะหรอกนะครับ..
เพราะรัฐบาลไหนๆ..ก็ไม่เห็นว่า..ราคาข้าว..จะเทียบเท่าราคาทองคำ..ในสมัยก่อน..เคยเป็นไปแล้ว..ข้าวราคาเกวียนละ400บาท..ทองคำก็บาทละ400บาทเช่นเดียวกัน..
แต่..มันน๊าน..นานมาแล้ว..พูดไปเหมือนคนเพ้อเจ้อ..คงเป็นไปไม่ได้หรอก..


ขอบคุณครับ ท่านกุญซือ

ผมเคยเห็น เคยได้สัมผัสกับชาวนา ในเขตภาคเหนือตอนล่าง และภาคกลางตอนบน

ได้เห็นบรรยากาศแล้ว ยังต้องยอมรับในใจลึกๆ ว่า "น่าอิฉจา" แทนคนภาคอิสานนะ

เพราะ ด้วยปัจจัยในเรื่องของพื้นที่ เป็นพื้นที่ราบลุ่มริมแม่น้ำ

ระบบชลประทานดีเยี่ยม สามารถทำนา ได้ปีละอย่างน้อย 2-3 ครั้ง

ผมเคยเห็น ชาวบ้านแถวๆ จังหวัด ชัยนาท ออกมาชุมนุมประท้วงรัฐบาล ในยุคที่ท่านอภิสิทธิ์ นั่งตำแหน่งนายกฯ

กระทู้ ที่ผมเขียนขึ้น จึงถูกเขียนออกมาจากใจ

ว่าชาวบ้าน ที่ลำบาก อย่างแท้จริง เขาเหล่านั้น "อยู่นอกเขตชลประทาน"

และ "สามารถทำนา ได้เพียงแค่ปีละครั้ง"

การให้ความช่วยเหลือจากรัฐบาล ผมมองว่า ดูดี แต่ ควรสร้างกลไกทางการค้า ให้แข็งแรง

ทำให้สินค้า สามารถขายได้ด้วยตัวของสินค้าเอง

ส่วนท่านกุญซือ ทำนา ได้ปีละ 4-5 ครั้ง ผมไม่ห่วงหรอกครับ
q*020

cocococococo
noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
add
เรทกระทู้
« ตอบ #15 เมื่อ: 8 ต.ค. 12, 08:19 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 
อ่ะๆ..ผมเคยมีพื้นที่เป็นนา..เคยดำนาตอนเป็นวัยรุ่น(ไปช่วยสาวๆ) ญาติ พี่น้องเป็นชาวนา..ผมทำสวนผลไม้ครับ..และท้องนาที่ จขกท.เคยวิ่งผ่าน..สามารถทำนาได้ทุกระยะ นอกจากตอนน้ำล้นตลิ่ง..
ชาวนาที่อยู่นอกเขตชลประทาน..หมายถึงต้องอาศัยน้ำจากท้องฟ้า น้ำฝน..เรียกว่านาปี..บางพื้นที่เขาเรียกว่า..ข้าวหนัก หมายถึงระยะการอุ้มท้อง ระยะเกียบเกี่ยวนานกว่า ข้าวนาปรัง..
คุณภาพที่ได้จากการเพาะปลูก..
ข้าวนาปี เช่น หอมประทิว หอมมะลิ..เหลืองอำไพ 9ล9..จะมีคุณภาพในการบริโภคมากกว่า..ข้าวจำพวกนาปรัง บางที เขาเอาไปทำแป้ง..
ราคาในการชื้อขาย..แน่นอน..ข้าวนาปี ย่อมขายได้ราคาดีกว่า..ขายได้ราคาสูงกว่าข้าวนาปรัง แต่ก็สูงกว่าไม่มากกว่าเท่าใด..
ราคาข้าวเบา(นาปรัง) ขายได้ราคาเกือบเท่าข้าวนาปี แต่สามารถผลิตออกมาจากท้องนาได้เป็นจำนวนมากกว่า(เพราะปลูกได้มากครั้งกว่า)
ราคาข้าวนาปี..น่าจะอยู่ที่ สองเท่าของราคานาปรัง..
เพราะเป็นข้าวคุณภาพที่คนทั่วไปให้ความนิยมบริโภค..ส่งขายไปยังพื้นที่ต่างๆในโลก..มีคุณภาพที่โด่งดังเป็นที่ทราบกันโดยทั่วไป..
พวกด๊อกเตอร์ด้านบริหาร หรือการค้าขาย..ก็ไม่เคยพูดถึงการค้าข้าวให้ได้ราคา..พูดคุย..ชักชวนทำการต่างๆ แต่ไม่เคยพบว่า..จะชักชวนกันคิดเรื่องการค้าข้าว..วันหน้า หากไม่ลืม จะชวนคนพวกนั้นคุยเรื่องนี้ดูที..
อยากจะรู้ว่า..ในพื้นบ้านของเรา..ใครคิดเรื่องนี้อย่างไร..
noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Guest
ข้าวนาปรัง
เรทกระทู้
« ตอบ #16 เมื่อ: 8 ต.ค. 12, 14:02 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 
อ่ะๆ..ผมเคยมีพื้นที่เป็นนา..เคยดำนาตอนเป็นวัยรุ่น(ไปช่วยสาวๆ) ญาติ พี่น้องเป็นชาวนา..ผมทำสวนผลไม้ครับ..และท้องนาที่ จขกท.เคยวิ่งผ่าน..สามารถทำนาได้ทุกระยะ นอกจากตอนน้ำล้นตลิ่ง..
ชาวนาที่อยู่นอกเขตชลประทาน..หมายถึงต้องอาศัยน้ำจากท้องฟ้า น้ำฝน..เรียกว่านาปี..บางพื้นที่เขาเรียกว่า..ข้าวหนัก หมายถึงระยะการอุ้มท้อง ระยะเกียบเกี่ยวนานกว่า ข้าวนาปรัง..
คุณภาพที่ได้จากการเพาะปลูก..
ข้าวนาปี เช่น หอมประทิว หอมมะลิ..เหลืองอำไพ 9ล9..จะมีคุณภาพในการบริโภคมากกว่า..ข้าวจำพวกนาปรัง บางที เขาเอาไปทำแป้ง..
ราคาในการชื้อขาย..แน่นอน..ข้าวนาปี ย่อมขายได้ราคาดีกว่า..ขายได้ราคาสูงกว่าข้าวนาปรัง แต่ก็สูงกว่าไม่มากกว่าเท่าใด..
ราคาข้าวเบา(นาปรัง) ขายได้ราคาเกือบเท่าข้าวนาปี แต่สามารถผลิตออกมาจากท้องนาได้เป็นจำนวนมากกว่า(เพราะปลูกได้มากครั้งกว่า)
ราคาข้าวนาปี..น่าจะอยู่ที่ สองเท่าของราคานาปรัง..
เพราะเป็นข้าวคุณภาพที่คนทั่วไปให้ความนิยมบริโภค..ส่งขายไปยังพื้นที่ต่างๆในโลก..มีคุณภาพที่โด่งดังเป็นที่ทราบกันโดยทั่วไป..
พวกด๊อกเตอร์ด้านบริหาร หรือการค้าขาย..ก็ไม่เคยพูดถึงการค้าข้าวให้ได้ราคา..พูดคุย..ชักชวนทำการต่างๆ แต่ไม่เคยพบว่า..จะชักชวนกันคิดเรื่องการค้าข้าว..วันหน้า หากไม่ลืม จะชวนคนพวกนั้นคุยเรื่องนี้ดูที..
อยากจะรู้ว่า..ในพื้นบ้านของเรา..ใครคิดเรื่องนี้อย่างไร..


มาดูทุกวันไม่เห็นซักที แอบเป็นห่วงหน่อยนึงว่าเป็นอะไรไปหรือเปล่า
แต่วันนี้มาเจอยังเจ๋งหมือนเดิม q*062
noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
add
เรทกระทู้
« ตอบ #17 เมื่อ: 9 ต.ค. 12, 14:50 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 
อ่ะๆ..ผมเคยมีพื้นที่เป็นนา..เคยดำนาตอนเป็นวัยรุ่น(ไปช่วยสาวๆ) ญาติ พี่น้องเป็นชาวนา..ผมทำสวนผลไม้ครับ..และท้องนาที่ จขกท.เคยวิ่งผ่าน..สามารถทำนาได้ทุกระยะ นอกจากตอนน้ำล้นตลิ่ง..
ชาวนาที่อยู่นอกเขตชลประทาน..หมายถึงต้องอาศัยน้ำจากท้องฟ้า น้ำฝน..เรียกว่านาปี..บางพื้นที่เขาเรียกว่า..ข้าวหนัก หมายถึงระยะการอุ้มท้อง ระยะเกียบเกี่ยวนานกว่า ข้าวนาปรัง..
คุณภาพที่ได้จากการเพาะปลูก..
ข้าวนาปี เช่น หอมประทิว หอมมะลิ..เหลืองอำไพ 9ล9..จะมีคุณภาพในการบริโภคมากกว่า..ข้าวจำพวกนาปรัง บางที เขาเอาไปทำแป้ง..
ราคาในการชื้อขาย..แน่นอน..ข้าวนาปี ย่อมขายได้ราคาดีกว่า..ขายได้ราคาสูงกว่าข้าวนาปรัง แต่ก็สูงกว่าไม่มากกว่าเท่าใด..
ราคาข้าวเบา(นาปรัง) ขายได้ราคาเกือบเท่าข้าวนาปี แต่สามารถผลิตออกมาจากท้องนาได้เป็นจำนวนมากกว่า(เพราะปลูกได้มากครั้งกว่า)
ราคาข้าวนาปี..น่าจะอยู่ที่ สองเท่าของราคานาปรัง..
เพราะเป็นข้าวคุณภาพที่คนทั่วไปให้ความนิยมบริโภค..ส่งขายไปยังพื้นที่ต่างๆในโลก..มีคุณภาพที่โด่งดังเป็นที่ทราบกันโดยทั่วไป..
พวกด๊อกเตอร์ด้านบริหาร หรือการค้าขาย..ก็ไม่เคยพูดถึงการค้าข้าวให้ได้ราคา..พูดคุย..ชักชวนทำการต่างๆ แต่ไม่เคยพบว่า..จะชักชวนกันคิดเรื่องการค้าข้าว..วันหน้า หากไม่ลืม จะชวนคนพวกนั้นคุยเรื่องนี้ดูที..
อยากจะรู้ว่า..ในพื้นบ้านของเรา..ใครคิดเรื่องนี้อย่างไร..


ถ้าแต่ละหมู่บ้านมี

1. โรงสีชุมชน

2. รถไถชุมชน

3. รถเกี่ยวข้าวชุมชน

4. ส่งเสริมให้มีตลาดกลางของหมู่บ้าน เพื่อเป็นศูนย์กลางจำหน่ายสินค้าของชาวบ้าน น่าจะดีครับ


q*021q*096q*021
noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Guest
ผ่านมา
เรทกระทู้
« ตอบ #18 เมื่อ: 9 ต.ค. 12, 16:58 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 

รัฐบาลทำให้ระบบกลไกการตลาดบิดเบี้ยวหรือ ก็รู้กันอยู่ระบบการค้าประเทศไทยไม่ใช่การค้าเสรีจริง มันเป็นการค้าแบบฮั้ว เหยียบหัวประชาชน คนไทยกินข้าวทุกวัน ชาวนาขายข้าว แต่ไม่เคยได้ดีเลย ชาวนาถูกบังคับขายแบบจำยอม ก็เขาไม่มีอำนาจต่อรองอะไรเลย การที่รัฐบาลเข้าแทรกแซง ก็ถูกต้องแล้ว เขาเจตนาดึงราคาขึ้น พ่อค้าตัวแสบมันไม่ยอม มันก็ไปจ้างพวกนักวิชาการจำหน่ายตั๋วมาอัดรัฐบาล การทุจริตที่ว่ากันนี่ ใครเป็นคนทำ ก็ต้องจับมันให้ได้ เชื่อเถอะ ข้าวจะแพงมากกว่านี้ ด้วยภาวะนำ้ท่วม ฝนแล้ง ภัยพิบัติและพืชอื่นได้ราคาดีกว่า แถวๆ อีสาน ชาวนาเริ่มเปลี่ยนนาเป็นสวนยางไปเยอะแล้ว แต่ไม่ต้องห่วงชาวนาหรอก เขามีข้าวกินแน่นอน

noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
add
เรทกระทู้
« ตอบ #19 เมื่อ: 9 ต.ค. 12, 18:09 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 
พอมีเวลา ก้อเข้ามาเที่ยวคุยในบอร์ด..กระทู้นี้ยังอยู่..
ผมก็ขอคุยต่อ..
เกริ่นเรื่องข้าว และข้าวที่บริโภค..มาพอเข้าใจ..
แต่ทำไมชาวนายังต้องถูกนำมาเป็นประเด็นทางการเมือง..ในทุกสมัย..
ชาวนา..มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นจริง..ในสภาพปัจจุบัน ที่แยกเวลากับอดีต..
ดีอย่างไร..ชาวนามีเครื่องอุปโภค และบริโภคมากขึ้น..ซึ่งต่างจากแต่ก่อน..ต่างอย่างไร..แม้แต่ตู้เย็น..หากบ้านไหนมี..จะต้องเอาตู้เย็นตั้งเสียบปลั๊กใว้..ในที่ ที่มองเห็นได้จากภายนอก และชัดเจน(เขาอวด)
รถยนต์ส่วนตัว...มีเกือบทุกบ้าน..ส่วนจักรยานยนต์..ไม่ต้องพูดถึง..เปลี่ยนแบบทันสมัยอยู่เรื่อยๆ..
ชาวนา หากมีพื้นที่ทำนาในพื้นที่การชลประทาน..และในแหล่งน้ำที่สมบูรณ์..ชาวนาพวกนี้ จะผลิตข้าวออกสู่ตลาดทุกๆ4เดือน..
แต่ชาวนาที่อยู่นอกเขตชลประทาน และไม่มีแหล่งน้ำ เลยทำนาได้เพียงในฤดูฝน..หมายถึง..ปีหนึ่ง สามารถผลิตข้าวได้เพียงครั้งเดียว..
แล้วรัฐ..โดยการบริหารของผู้แทน ที่เลือกนายกกัน..
พวกผู้บริหารเศรษฐกิจ เอาพ่อค้าข้าวหรือพวกที่ของตังค์พ่อค้ามาหาเสียง(แรงไปหน่อย)
คนพวกนี้ เหมาเอาข้าวนาปี (เป็นข้าวใช้บริโภคดีที่สุด)มาย่อราคาให้ใกล้เคียงกับข้าวนาปรัง(ข้าวเบา)ส่วนมากใช้ทำแป้ง..ขนม เลี้ยงสัตว์ในที่สุด..เอามาอัฟราคาให้สูงขึ้นมา..สูงขึ้นมาในนามข้าวเหมือนกัน..
บริหารไป บริหารมา บริหารแบบว่า..กวาดข้าวสารข้ามร่อง..ไหลลงถุง โกดัง เข้ากระเป๋าหยง..(หยงตนนี้ ยังคงเป็นปีศาจนับร้อยปี) เข้ากระเป๋าหลงจู๊..
แต่ยังก่อน...
นี่แค่ร่องรอยอันอ่อนด้อย...ความจริง..หย่อมมิอาจปกปิดได้..
ร้อยถี่ยังมีห่าง..ตาข่ายฟ้าแม้ครอบคลุม..แต่ยังมีรูขาด..
ไปนานไป..แม้ใช้แค่ฝ่ามือปิดที่ใบหน้า..แต่มิอาจปิดฟ้าได้ทั้งหมด.. เรื่องราวที่ได้ยินมา แม้ไม่อาจจะหาพยานหลักฐานมาแสดง..
แต่อย่าลืม..ไม่มีความลับใดปกปิดได้ตลอดกาล..เป็นคำพูดของปราชณ์โบราญ
noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
add
เรทกระทู้
« ตอบ #20 เมื่อ: 11 ต.ค. 12, 08:36 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 
พอมีเวลา ก้อเข้ามาเที่ยวคุยในบอร์ด..กระทู้นี้ยังอยู่..
ผมก็ขอคุยต่อ..
เกริ่นเรื่องข้าว และข้าวที่บริโภค..มาพอเข้าใจ..
แต่ทำไมชาวนายังต้องถูกนำมาเป็นประเด็นทางการเมือง..ในทุกสมัย..
ชาวนา..มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นจริง..ในสภาพปัจจุบัน ที่แยกเวลากับอดีต..
ดีอย่างไร..ชาวนามีเครื่องอุปโภค และบริโภคมากขึ้น..ซึ่งต่างจากแต่ก่อน..ต่างอย่างไร..แม้แต่ตู้เย็น..หากบ้านไหนมี..จะต้องเอาตู้เย็นตั้งเสียบปลั๊กใว้..ในที่ ที่มองเห็นได้จากภายนอก และชัดเจน(เขาอวด)
รถยนต์ส่วนตัว...มีเกือบทุกบ้าน..ส่วนจักรยานยนต์..ไม่ต้องพูดถึง..เปลี่ยนแบบทันสมัยอยู่เรื่อยๆ..
ชาวนา หากมีพื้นที่ทำนาในพื้นที่การชลประทาน..และในแหล่งน้ำที่สมบูรณ์..ชาวนาพวกนี้ จะผลิตข้าวออกสู่ตลาดทุกๆ4เดือน..
แต่ชาวนาที่อยู่นอกเขตชลประทาน และไม่มีแหล่งน้ำ เลยทำนาได้เพียงในฤดูฝน..หมายถึง..ปีหนึ่ง สามารถผลิตข้าวได้เพียงครั้งเดียว..
แล้วรัฐ..โดยการบริหารของผู้แทน ที่เลือกนายกกัน..
พวกผู้บริหารเศรษฐกิจ เอาพ่อค้าข้าวหรือพวกที่ของตังค์พ่อค้ามาหาเสียง(แรงไปหน่อย)
คนพวกนี้ เหมาเอาข้าวนาปี (เป็นข้าวใช้บริโภคดีที่สุด)มาย่อราคาให้ใกล้เคียงกับข้าวนาปรัง(ข้าวเบา)ส่วนมากใช้ทำแป้ง..ขนม เลี้ยงสัตว์ในที่สุด..เอามาอัฟราคาให้สูงขึ้นมา..สูงขึ้นมาในนามข้าวเหมือนกัน..
บริหารไป บริหารมา บริหารแบบว่า..กวาดข้าวสารข้ามร่อง..ไหลลงถุง โกดัง เข้ากระเป๋าหยง..(หยงตนนี้ ยังคงเป็นปีศาจนับร้อยปี) เข้ากระเป๋าหลงจู๊..
แต่ยังก่อน...
นี่แค่ร่องรอยอันอ่อนด้อย...ความจริง..หย่อมมิอาจปกปิดได้..
ร้อยถี่ยังมีห่าง..ตาข่ายฟ้าแม้ครอบคลุม..แต่ยังมีรูขาด..
ไปนานไป..แม้ใช้แค่ฝ่ามือปิดที่ใบหน้า..แต่มิอาจปิดฟ้าได้ทั้งหมด.. เรื่องราวที่ได้ยินมา แม้ไม่อาจจะหาพยานหลักฐานมาแสดง..
แต่อย่าลืม..ไม่มีความลับใดปกปิดได้ตลอดกาล..เป็นคำพูดของปราชณ์โบราญ


ชาวนากว่า 700 ที่กำแพงเพชร จำนำข้าวไป 3 เดือนเงินยังไม่ได้รับเลยครับ

http://www.thairath.co.th/content/region/294030

และภาพนี้ เป็นภาพที่ผม รู้สึกหดหู่ใจที่สุด ที่ได้เห็นชาวนา ต่อคิวเพื่อจำนำข้าว 2 วัน 2 คืน กินอยู่บนรถอีแต๋น

นี่พวกเค้าเอาข้าวมาขายนะครับ ไม่ได้มาขอใครกิน


noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Tags:  ชาวนา รัฐบาล 

หน้า: 1

 
ตอบ

ชื่อ:
 
แชร์ไป Facebook ด้วย
กระทู้:
ไอค่อนข้อความ:
ตัวหนาตัวเอียงตัวขีดเส้นใต้จัดย่อหน้าชิดซ้ายจัดย่อหน้ากึ่งกลางจัดย่อหน้าชิดขวา

 
 

[เพิ่มเติม]
แนบไฟล์: (แนบไฟล์เพิ่ม)
ไฟล์ที่อนุญาต: gif, jpg, jpeg
ขนาดไฟล์สูงสุดที่อนุญาต 20000000 KB : 4 ไฟล์ : ต่อความคิดเห็น
ติดตามกระทู้นี้ : ส่งไปที่อีเมลของสมาชิกสนุก
  ส่งไปที่
พิมพ์อักษรตามภาพ:
พิมพ์ตัวอักษรที่แสดงในรูปภาพ
 
:  
  • ข้อความของคุณอยู่ในกระทู้นี้
  • กระทู้ที่ถูกใส่กุญแจ
  • กระทู้ปกติ
  • กระทู้ติดหมุด
  • กระทู้น่าสนใจ (มีผู้ตอบมากกว่า 15 ครั้ง)
  • โพลล์
  • กระทู้น่าสนใจมาก (มีผู้ตอบมากกว่า 25 ครั้ง)
         
หากท่านพบเห็นการกระทำ หรือพฤติกรรมใด ๆ ที่ไม่เหมาะสม ซึ่งอาจก่อให้เกิดความเสื่อมเสียแก่สถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ รวมถึง การใช้ข้อความที่ไม่สุภาพ พฤติกรรมการหลอกลวง การเผยแพร่ภาพลามก อนาจาร หรือการกระทำใด ๆ ที่อาจก่อให้ผู้อื่น ได้รับความเสียหาย กรุณาแจ้งมาที่ แนะนำติชม