ฮ่องกง--4 มิ.ย.--เกียวโด เจบีเอ็น – เอเชียเน็ท/อินโฟเควสท์
- เฟสหนึ่งถูกจองพื้นที่แล้วกว่า 80% ก่อนการเปิดตัว บ่งชี้ให้เห็นถึงความต้องการที่แข็งแกร่งของอุตสาหกรรมการเงิน
เอ็นทีที คอมมิวนิเคชั่นส์ คอร์ปอเรชั่น (NTT Communications Corporation)เน้นคำกล่าวอ้างเชิงกลยุทธ์ของเขตการปกครองพิเศษฮ่องกงในฐานะที่เป็นตลาดเงินที่โดดเด่นและศูนย์กลางด้านไอซีทีของเอเชีย ด้วยการเผยโฉมศูนย์ข้อมูลทางการเงินแห่งใหม่ของฮ่องกง (FDC (TM)) ด้วยการใช้เครือข่ายที่มีความหน่วงน้อยเป็นพิเศษ และความใกล้ชิดกับการดำเนินงานของศูนย์ข้อมูลตลาดหุ้นระดับภูมิภาค ทำให้ศูนย์ข้อมูลที่สร้างด้วยวัตถุประสงค์เฉพาะแห่งนี้สามารถส่งมอบระบบพื้นฐานของไอทีและเครือข่ายขั้นสูงสุด เพื่อตอบสนองกับความต้องการที่ขยายตัวขึ้นของภาคอุตสาหกรรมต่างๆ อาทิ การเงิน และธุรกิจด้านคลาวด์ ซึ่งมีข้อกำหนดที่เข้มงวดสูงสุด ศูนย์ FDC ที่มาพร้อมกับเครือข่าย Tier IV* สามารถนำเสนอระยะเวลา Uptime ได้ 100% และมาตรการความปลอดภัยที่เหนือกว่า เพื่อปกป้องการประเมินสินทรัพย์ด้านข้อมูลขององค์กรที่มีความสำคัญในระดับพันธกิจ
(รูปภาพ: http://prw.kyodonews.jp/opn/release/201305312234 )
เฟสที่ 1 ของ FDC เปิดฉากขึ้นอย่างสมเกียรติด้วยความประทับใจเมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2556 อากิระ อาริมะ ประธานและซีอีโอเอ็นทีที คอมมิวนิเคชั่นส์ และทาคาโนบุ มาเอดะ ประธานและซีอีโอเอ็นทีที คอม เอเชีย ลิมิเต็ด เข้าร่วมพิธีเปิดงานปฐมฤกษ์ พร้อมด้วยแขกผู้ทรงเกียรติ ซึ่งประกอบไปด้วย
- ฮิโตชิ โนดะ เอกอัครราชทูต กงศุลใหญ่ ประจำสถานกงศุลใหญ่ญี่ปุ่นประจำฮ่องกง
- นางสาวซูซี โฮ ชุก-ยี ,JP, ปลัดกระทรวงพัฒนาการค้าและเศรษฐกิจ (การสื่อสารและเทคโนโลยี)
- นายชาลส์ มก สมาชิกสภานิติบัญญัติ (สมาชิก Functional Constituency ด้าน IT)
นางโฮกล่าวระหว่างแสดงสุนทรพจน์เปิดงานว่า "รัฐบาลฮ่องกงมุ่งมั่นที่จะส่งเสริมการพัฒนาศูนย์กลางข้อมูลขั้นสูง วันนี้ นิคมอุตสาหกรรมซึงควอนโอได้เป็นทำเลที่ตั้งของศูนย์ข้อมูลขั้นสูง 12 แห่ง ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ 20 เฮกเตอร์ และศูนย์กลางข้อมูลทางการเงินฮ่องกงของเอ็นทีทีถือเป็นการผนวกรวมครั้งล่าสุดเข้ากับครอบครัวศูนย์ข้อมูลที่น่าประทับใจของเรา ศูนย์เหล่านี้มาพร้อมกับข้อกำหนดด้านสมรรถนะที่เข้มงวด ซึ่งช่วยสนับสนุนการดำเนินธุรกิจและการขยายตัวขององค์กรท้องถิ่นและระหว่างประเทศอย่างมีคุณค่า"
ศูนย์ FDC เกิดขึ้นในขณะที่อุตสาหกรรมการเงินของฮ่องกงเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว และมีความต้องการระบบพื้นฐานไอทีที่ทันสมัยเพิ่มขึ้น ฮ่องกงมีตลาดหุ้นที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 6 ของโลก และคาดว่า กระแสเงินทุนหมุนเวียน จะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วด้วยการเปิดตัวโครงการนำร่อง QDII2 และ RQDII สถาบันบริการทางการเงินประจำภูมิภาค (FSI) หลายแห่งกำลังส่งเสริมความสามารถทางไอที เพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับโอกาสในตลาดที่เพิ่มขึ้น ดังนั้น คาดว่า การซื้อขายที่มีคอมพิวเตอร์เป็นกลไกสนับสนุน จะคิดเป็นสัดส่วน 58% ของการซื้อหุ้นทั้งหมดในสิงคโปร์ ฮ่องกง ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย และอินเดีย ในปีนี้
"การสร้าง FDC ทำให้เราคว้าโอกาสทางการตลาดที่สำคัญในการมีบทบาทที่จำเป็นในการจัดหาระบบพื้นฐานทางเทคโนโลยี ซึ่งช่วยให้ผู้อยู่ในอุตสาหกรรมตอบสนองความต้องการด้านธุรกิจและสนับสนุนแนวร่วมของพวกเขา ข้อเท็จจริงที่ว่า เฟสที่ 1 ถูกจองไปแล้ว 80% นั้น ไม่เพียงแต่สะท้อนให้เห็นว่านี่เป็นการตัดสินใจที่ยอดเยี่ยม แต่ยังพิสูจน์ให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของเราในการสร้างฮ่องกงให้เป็นศูนย์การเงินและไอซีทีแห่งสำคัญ" นายมาเอดะกล่าว ส่วนเฟสที่ 2 ของ FDC คาดว่า จะเสร็จสิ้นสมบูรณ์ในปี 2558
"การออกแบบด้วยเทคโนโลยีเพื่อสิ่งแวดล้อมที่ล้ำยุค ทำให้ FDC มีระบบพื้นฐานที่จำเป็นสำหรับ FSI ในฮ่องกง เพื่อเสริมความแข็งแรงให้กับสถานะเชิงกลยุทธในเอเชีย และคงศักยภาพในการแข่งขันไว้ได้ ศูนย์ข้อมูลซึ่งมาพร้อมกับ Tier IV แห่งใหม่นี้ภูมิใจในเรื่องของความซ้ำซ้อนของข้อมูล (Redundancy) จนถึงขีดสุดด้วยระบบหล่อเย็นที่ต่อเนื่อง, เครื่องวัดค่าต่อเนื่อง (continuous rating generators) และการออกแบบระบบพื้นฐานแยกส่วน ซึ่งทำให้สามารถให้บริการขั้นสูงสุดได้ สำหรับเฟสที่ 2 จะมีพื้นที่ใช้สอยกว่า 70,000 ตารางเมตร และมีแร็คกว่า 6,000 ตัว นอกเหนือจากความสามารถการรองรับระดับสูงแล้ว ศูนย์ FDC ยังติดตั้งระบบควบคุมการเข้าถึงความปลอดภัย 8 ขั้น ซึ่งถือเป็นการเสนอมูลค่าที่แข็งแกร่งให้แก่ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรม ซึ่งให้ความสนใจและเป็นห่วงในสินทรัพย์ข้อมูลของตนเองมากที่สุด
ศูนย์ข้อมูลแห่งใหม่นี้ยังมีบริการเกทเวย์ที่มีความหน่วงต่ำเป็นพิเศษสำหรับ FSI ที่ต้องการขยายขอบเขตธุรกิจ FDC ยังเป็นสถานที่ตั้งของจุดเชื่อมโยงของเครือข่ายเคเบิ้ลใต้ทะเล Asia Submarine-cable Express (ASE) ซึ่งเชื่อมต่อศูนย์กลางทางการเงินที่สำคัญๆในเอเชียด้วยเส้นทางที่สั้นที่สุด ซึ่งทำให้เกิด Redundancy ของเครือข่ายชั้นนำของอุตสาหกรรมต่ำกว่า 43 มิลลิวินาทีในเส้นทางจากฮ่องกงไปยังโตเกียว และน้อยกว่า 64 มิลลิวินาทีจากสิงคโปร์ไปยังโตเกียว ยิ่งไปกว่านั้น FDC ยังตั้งอยู่จุดเดียวกับสถานีเครือข่ายระดับโลกของเอ็นทีที คอมมิวนิเคชั่นส์ ที่เชื่อมต่อไปยังยุโรปและอเมริกาเหนือ เมื่อเร็วๆนี้ ตลาดหุ้นโตเกียวได้รับประโยชน์จากบริการเครือข่ายความหน่วงต่ำพิเศษนี้ เพื่อเพิ่มเครือข่ายนักลงทุน ประกอบกับการออกแบบแยกส่วนซึ่งช่วยสนับสนุนการแบ่งชั้นแบบไฮบริด เพื่อตอบสนองความต้องการที่แตกต่างกันของตลาด ทำให้ FDC สามารถกำหนดมาตรฐานใหม่ด้านให้แก่วงการการเงิน
* Uptime Institute ได้จัดประเภทศูนย์ข้อมูลเป็น 4 ขั้น ซึ่งขึ้นอยู่กับสภาพความพร้อมในการให้บริการ Tier I เป็นสภาพพร้อมบริการต่ำสุด ขณะที่ Tier IV มีสภาพพร้อมบริการขั้นสูงสุด
เกี่ยวกับ FDC (TM)
FDC เป็นพันธมิตรด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) ของเอ็นทีที คอมมิวนิเคชั่นส์ เพื่อให้บริการระบบความสัมพันธ์ของบริการทางการเงินพร้อมกับโซลูชั่นศูนย์ข้อมูลที่ครอบคลุม คุ้มค่า และวางใจได้ FDC ยังนำเสนอการออกแบบแยกส่วน ซึ่งเอื้อต่อการสร้างขั้นแบบไฮบริด ข้อได้เปรียบที่เป็นเอกลักษณ์จากการตั้งอยู่จุดเดียวกับเครือข่ายเคเบิ้ลใต้ทะเล ASE และสถานีเครือข่ายระดับโลกสำหรับการเชื่อมต่อที่มีความหน่วงต่ำเป็นพิเศษ ความสามารถระดับสูงเพื่อการเติบโตในอนาคต และความปลอดภัยที่แข็งแกร่งในทุกระดับโดยอิงเกณฑ์ตามการออกแบบ Tier IV ของ Uptime Institute ภายใต้แบรนด์ Nexcenter (TM) ซึ่งได้มีการเปิดตัวล่าสุดนั้น เอ็นทีที คอมมิวนิเคชั่นส์จึงส่งมอบคุณภาพระดับโลกและการสนับสนุนอย่างเต็มรูปแบบของบริการของศูนย์ข้อมูลที่ล้ำยุค
ปัจจุบัน เฟสที่ 1 เสร็จสิ้นสมบูรณ์แล้ว และคาดว่า เฟสที่ 2 จะเสร็จสิ้นสมบูรณ์ภายในปี 2558
http://www.linkedin.com/company/ntt-com-asia-limited
