หน้า: 1

ชนิดกระทู้ ผู้เขียน กระทู้: จีนพบวัตถุในมหาสมุทรอินเดียเร่งสอบโยงMH370  (อ่าน 26737 ครั้ง)
add
เรทกระทู้
« เมื่อ: 22 มี.ค. 14, 20:07 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
Send E-mail

แบ่งปันกระทู้นี้ให้เพื่อนคุณอ่านไหมคะ?

ปิดปิด
 

จีนพบวัตถุในมหาสมุทรอินเดียเร่งสอบโยงMH370




ทางการจีน พบเบาะแสใหม่ค้นหาเครื่องบินมาเลเซีย MH370 หลังดาวเทียมพบวัตถุขนาดใหญ่ ทางตอนใต้มหาสมุทรอินเดีย ขณะเบาะแสของออสเตรเลีย ยังไม่วัตถุต้องสงสัย

สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า ทางการจีน ได้มีการเปิดเผยข้อมูลใหม่ เกี่ยวกับการค้นหาเครื่องบินของสายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ เที่ยงบิน MH370 ที่สูญหายไปตั้งแต่วันที่ 8 มี.ค.ที่ผ่านมา ว่าดาวเทียม ได้พบวัตถุขนาดใหญ่ ประมาณ 72 x 92 ฟุต ซึ่งอาจเป็นชิ้นส่วนของเครื่องบินลำดังกล่าว บริเวณทางตอนใต้ของมหาสมุทรอินเดีย ในวันนี้ หลังจาก มาเลเซีย และนานาชาติพยายามค้นหามานานถึง 15 วัน

รายงาน ระบุว่า ข้อมูลดังกล่าว มีการเปิดเผยขึ้นในระหว่างที่ ดาโต๊ะฮิชามมุดดิน ฮุสเซน รัฐมนตรีกลาโหมของมาเลเซีย กำลังแถลงข่าวประจำวัน เกี่ยวกับการค้นหาว่ายังไร้วี่แวว การพบเห็นวัตถุต้องสงสัย ตามที่ทางการออสเตรเลีย ออกมาเปิดเผยก่อนหน้านี้ หลังจากค้นหาในบริเวณ ทางตะวันตกของเมืองเพิร์ธ เป็นเวลา 3 วัน
แต่ในขณะเดียวกัน ก็ได้มีเจ้าหน้าที่ นำแผ่นกระดาษ มาส่งให้ และได้ระบุว่า ทางการจีนค้นพบเบาะแสใหม่ในการค้นหา เป็นภาพถ่ายดาวเทียม ชิ้นส่วนวัตถุ ขนาดใหญ่ ประมาณ 72 x 92 ฟุต ทางตอนใต้ของมหาสมุทรอินเดีย ที่อาจะเป็นชิ้นส่วนของเครื่องบินลำดังกล่าว ส่วนรายละเอียดอื่นๆ จะให้ทางการจีนแถลงอีกครั้ง

ทั้งนี้ การค้นหา ตามเบาะแสของออสเตรเลีย ในช่วง 3 วันที่ผ่านมา มีการใช้เครื่องบิน และเรือของ ออสเตรเลีย,สหรัฐอเมริกา, นิวซีแลนด์ จีน และญี่ปุ่น ในการค้นหา แต่ยังไม่พบ และกำลังเผชิญกับปัญหาสภาพอากาศ เนื่องจากมีพายุกำลังก่อตัว ในบริเวนดังกล่าว ซึ่งจะทำให้ ไม่สามารถออกปฏิบัติการณืค้นหาได้






ติดตามข่าวด่วน เกาะกระแสข่าวดัง บน Facebook คลิกที่นี่!!

noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า

กระทู้ฮอตในรอบ 7 วัน

add
เรทกระทู้
« ตอบ #1 เมื่อ: 22 มี.ค. 14, 20:14 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 

เมื่อเวลาประมาณ 16.30 น. มาเลเซียเผยความคืบหน้าการค้นหาเครื่องบินสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์ที่สูญหาย จากการประสานทางทูต จีน อินเดีย ปากี พม่า ลาว คาซัค คีร์กีซ ยืนยันมาแล้วว่าเรดาร์ยังตรวจหาเที่ยวบิน MH370 ไม่เจอ ส่วนบทสนทนาระหว่างนักบินเที่ยวบินที่สูญหายและหอควบคุม ที่กำลังเผยแพร่กันไม่ใช่ข้อมูลที่ถูกต้อง และยังอยู่ระหว่างการสอบสวน ขณะนี้ไม่พบอะไรผิดปกติ

และล่าสุดเมื่อเวลา 16.55 น. รมต.มาเลเซียเพิ่งได้รับแจ้งจากจีนว่า ดาวเทียม Gaofen-1 ของจีน พบวัตถุขนาด 22.5 x 13 เมตร ลอยในมหาสมุทรอินเดีย ถ่ายเมื่อ 18 มี.ค. เวลา 12.30 น. กำลังตรวจสอบว่าเชื่อมโยงกับ เที่ยวบิน MH370 ของสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์ที่หายไปหรือไม่ ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่าอาจเป็นชิ้นส่วนของเครื่องบินลำดังกล่าว

ทั้งนี้ทางการจีนจะประสานให้ข้อมูลพิกัดวัตถุจากภาพดาวเทียมล่าสุดกับออสเตรเลีย เพราะจีนอยู่ห่างจากพิกัดดังกล่าวมากกว่า

noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
add
เรทกระทู้
« ตอบ #2 เมื่อ: 22 มี.ค. 14, 20:33 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 

ทอ. เผย ชิ้นส่วนที่ออสเตรเลียอาจเป็น MH370 เพราะอยู่ในรัศมีเรดาร์ที่ตรวจพบ

ทอ. เผย ชิ้นส่วนที่ออสเตรเลียอาจเป็น MH370 เพราะอยู่ในรัศมีเรดาร์ที่ตรวจพบ
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก @yoware


เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

ทอ. เผย ดาวเทียมออสเตรเลียพบชิ้นส่วนคาดเป็น MH370 ซึ่งน่าจะเป็นสิ่งเดียวกับที่เรดาร์ ทอ. ตรวจพบ ด้านกระทรวงต่างประเทศเตรียมส่งจดหมายแจงฟอกซ์นิวส์ กรณีแพร่บทความเหน็บไทยให้ข้อมูลเรดาร์บินล่าช้า

เมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2557 ที่ท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 (ทกท.2 บน.6) พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) กล่าวถึงกรณีที่ดาวเทียมออสเตรเลียพบชิ้นส่วนวัตถุที่คาดจะเป็นเครื่องบินมาเลเซียเที่ยวบิน MH370 ในมหาสมุทรอินเดียว่า จากการตรวจสอบเรดาร์ที่เราพบสัญญาณสุดท้ายก่อนหายไปบริเวณบัตเตอร์เวิร์ทที่ได้ส่งไปให้ ผบ.ทอ.มาเลเซียเมื่อวันที่ 18 มีนาคม ที่ผ่านมา เมื่อเทียบจากระยะเวลาการบินของเครื่องบินลำดังกล่าวที่บินไปได้ต่อไปอีกประมาณ 7 ชั่วโมง ซึ่งจุดที่ดาวเทียมออสเตรเลียพบน่าจะอยู่ในรัศมีที่มีความเป็นไปได้

ส่วนกรณีที่สำนักข่าวต่างประเทศวิจารณ์ว่ากองทัพอากาศไทยให้ข้อมูลล่าช้านั้น เนื่องจากเรดาร์ของไทยเป้าหมายเพื่อตรวจสอบเป้าหมายที่เป็นภัยคุกคาม ในกรณีดังกล่าวเราตรวจจับและให้ความสนใจในระดับปานกลางลงไป จึงได้มีการตรวจสอบเทปย้อนหลัง เมื่อมาเลเซียร้องขอ ซึ่งต้องใช้เจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญดำเนินการ และต้องใช้เวลาพอสมควร

ในวันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่มีบทความในบล็อกข่าวของสำนักข่าวฟอกซ์นิวส์ ของสหรัฐอเมริกา ระบุชื่อเรื่องว่า "หน้าไม่อาย ...ประเทศไทยผู้อำมหิตและน่าสมเพช" (GRETA: Shame on Pathetic, Cruel Thailand) เขียนโดย เกรตา วาน ซัสเตอเรน ออกเผยแพร่ เนื้อหาวิพากษ์วิจารณ์ถึงพฤติกรรมของไทยต่อการให้ความช่วยเหลือภารกิจค้นหาเที่ยวบิน MH370 ของมาเลเซียแอร์ไลน์ ในช่วงที่ผ่านมา โดยระบุว่า การที่ไทยรายงานข้อมูล เรื่องเรดาร์ของกองทัพอากาศไทยตรวจพบอากาศยานที่คาดว่าจะเป็นเที่ยวบิน MH370 ล่าช้าถึง 10 วัน โดยอ้างว่า ไม่ได้เปิดเผยเนื่องจากไม่มีใครถามนั้น ถือเป็นสิ่งที่อำมหิตและเป็นข้อแก้ตัวที่น่าสมเพชนั้น

ในเรื่องนี้ นายเสข วรรณเมธี อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ เผยว่า จะทำหนังสืออธิบายข้อเท็จจริงส่งถึง ฟอกซ์นิวส์ ว่าไม่ควรด่วนสรุป วิพากษ์วิจารณ์ หรือแสดงความเห็นโดยที่ยังไม่รู้ข้อเท็จจริงทั้งหมดด้วยการตำหนิประเทศไทย เพราะการกระทำเช่นนี้ส่งผลกระทบต่อความน่าเชื่อถือของสำนักข่าวฟอกซ์นิวส์ซึ่งถือเป็นสื่อชั้นนำของสหรัฐเองด้วย


เครดิต กระปุกดอทคอม

noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
add
เรทกระทู้
« ตอบ #3 เมื่อ: 22 มี.ค. 14, 22:26 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 

ไขปริศนาเที่ยวบิน MH370..อเมริกาพิทักษ์โลก


รอยบาดหมางร้าวของอเมริกา รัสเซีย และจีน จากการแย่งชิงแหล่งพลังงานหมู่เกาะสแปรตลีย์ การลูบคมขายเรือดำน้ำจากรัสเซีย และจีน ให้เวียดนามที่เป็น 1 ใน 3 ฐานทัพของอเมริกาในย่านนี้นั้น สัมพันธ์กับเครื่องบินโดยสารมาเลย์ เที่ยวบิน MH 370 ซึ่งมีผู้โดยสาร และลูกเรือบนเครื่อง 239 คน (ประกอบด้วย ชาวจีน 153 คน ชาวมาเลเซีย 38 คน และชาวอินโดนีเซีย 7 คน รวมทั้งชาวออสเตรเลีย 6 คน ชาวอินเดีย 5 คน ชาวฝรั่งเศส 4 คน และ “ ชาวอเมริกัน 3 คน” ) ได้สูญหายไปกว่า 1 สัปดาห์ อย่างอัศจรรย์พันลึก

ในท่ามกลางข่าวลือต่าง ๆ และมาเลย์เซียตอนนี้ทยอยเปิดข้อมูล วันละนิดละหน่อยสร้างความมึนงง สับสน ให้คนทั่วโลก วันนี้วันหยุดวันสบายๆ ขอวิเคราะห์ (ผิดถูกบอกไม่ได้ เพราะประมวลจากภาพรวมข้อมูลต่างๆ)

ที่มีความเป็นไปได้มากที่สุดในเวลานี้ คือ เครื่องบินมาเลเซียแอร์ไลน์ เริ่มต้นบินขึ้นจากสนามบินกัวลาลัมเปอร์ ตรงไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ มุ่งสู่ทะเลจีนไต้ ปลายทางคือประเทศจีน หลังจากบินไปได้ชั่วโมงกว่าๆ ได้มีเครื่องบินล่องหน เช่น AWACS ของอเมริกา ที่มีความสามารถรบกวน การตรวจจับของเรดาห์ภาคพื้นดินบินประกบ จนสัญญาณเครื่องบินหายไปเฉยๆ แล้วใช้เครื่องบิน สเตลท์ ที่ล่องหนเรดาร์ได้เองประกบบังคับ

แล้วมีการเจาะเข้าระบบ FBW ซึ่งติดตั้งในเครื่องบินรุ่นนี้ เพื่อควบคุมเครื่องบิน จากภายนอก (คล้ายรีโมทบังคับ) เพราะแถวนี้อเมริกามีฐานทัพ และเรือบรรทุกเครื่องบิน..และเมื่อผ่านไปเร็วๆ นี้ ก็เพิ่งมาร่วมฝึกคอบบร้าโกลที่ไทย

อีกทางหนึ่งต้องมีหนอนบ่อนใส้ ภายในเครื่องบินโดยสารลำนั้น โดยอาจเป็นทีมซีลหน่วยปฎิบัติการณ์ลับของกองทัพสหรัฐ ที่แฝงตัวไปเป็นผู้โดยสาร ร่วมมือกับนักบิน แล้วทำการจี้ยึดควบคุมเครื่องบิน มีผู้เชี่ยวชาญความรู้ทางการบิน ตั้งใจปิดทั้งระบบสื่อสารและระบบเรดาร์แบบแอคทีฟเสีย โดยปิดแต่ละระบบห่างกัน 14 นาที มีผลทำให้เครื่องบินอันตรธานหายไป จากจอเรดาร์ของหอการบินพาณิชย์ แล้วก็ปิดระบบวิทยุระบบติดตามด้วย คนทำแบบนี้ได้จะต้องรู้ช่องว่างจุดอ่อนเครื่องบินนี้ จากบริษัทผู้ผลิต

จากนั้นเครื่องบินก็จะถูกบังคับทิศทางบิน สู่จุดหมายใหม่ ให้เปลี่ยนบินออกนอกเส้นทางเดิม โดยอาจบินต่ำๆ เพื่อหลบเรดาร์แบบสะท้อนกลับ วนกลับมาทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ ผ่านประเทศมาเลเซีย ไปทางช่องแคบมะละกา และหักวกหัวเครื่องขึ้นทางทิศตะวันตกเฉียงเหนืออีกครั้ง ย้อนไปยังมหาสมุทรอินเดีย ผ่านหมู่เกาะอันดามัน ซึ่งเป็นทิศทางของสายการบินพาณิชย์ทั่วไปที่ใช้เส้นทางนี้ เวลาบินไปตะวันออกกลาง (waypoint N571 and P628) ซึ่งคนที่ทำได้ไม่ว่าควบคุมเครื่องจากภายนอก หรือใส้ศึกภายใน อย่างน้อยต้องมีนักบินเองให้ความร่วมมือแบบสุดๆ หรือเผลอๆ อาจทำเองซะด้วยซ้ำ แล้วขับเครื่องบินลำนี้ไปลงที่

1. สนามบินของกองทัพอากาศสหรัฐในฟิลิปปินส์ หรือ ประเทศที่เราคิดไม่ถึงที่มีทะเลแสนสวย และมีสาวๆ รอยยิ้มน่ารักที่สุดในโลกนี่แหละ..แนวนี้ไม่น่าเป็นไปได้ เพราะ.. ต้องเอาภาพมาแฉ แน่ๆ..ฮา
2. แถวเกาะะโคทาวารี (นิโคบาร์) หรือเกาะดิเอโก้ การ์เซีย ซึ่งเป็นฐานทัพของสหรัฐฯ ทางทิศไต้มหาสมุทรอินเดีย หรือที่สาธารณรัฐเซเชลเลส ในมหาสมุทรอินเดีย..แนวนี้มีความเป็นได้มากที่สุด
3. ไปถึงประเทศ เติร์คเมนนิสสถาน หรือคาซัคสถาน..แนวนี้ก็ไม่น่าจะเลยยาวไปขนาดนั้นได้ เพราะต้องผ่านน่านฟ้าหลายประเทศ ที่สุ่มเสี่ยงต่อความมั่นคงของเขา และเรื่องต้องแดงมาหลายวันแล้ว

หลังทราบว่าเครื่องบินได้หายไป ญาติชาวจีนได้โทรศัพท์ไปหาผู้โดยสารคนหนึ่งที่อยู่ในเที่ยวบินนั้น โดยเมื่อโทรศัพท์ไปก็มีคนรับ แต่ไม่พูดโต้ตอบ จากนั้นก็ถูกตัดสายทิ้งไป และติดต่อไปไม่ได้อีกเลย อีกทั้งบริษัทผู้ผลิตเครื่องยนต์ของเครื่องบินที่ติดอุปกรณ์ติดตามเครื่องยนต์ของเขาทุกเครื่อง ก็รายงานว่าเครื่องยนต์ตังทำงานต่อไปอีกราว 6 ชั่วโมง หลังการหายไปจากจอเรดาร์ การข่าวนั้นตอนนี้ตัดประเด็นอื่นออกหมด เหลือเป้าหมายหลัก ก็คือ


noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
add
เรทกระทู้
« ตอบ #4 เมื่อ: 22 มี.ค. 14, 22:26 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 

1. เป้าหมายแรก คุมตัวพนักงาน และนักวิทยาศาสตร์บริษัทระดับสูง กว่า 10 คน และยึดข้อมูลในไดร์ท หรือชิบที่เป็นเทคโนโลยี่ล้ำสมัยขั้นเทพ ที่สำคัญมาก เกี่ยวกับหลบการตรวจพบ หรือรบกวนสัญญาณเรด้าร์ เป็นการใช้การควบคุมอาวุธแห่งอนาคต ฉะนั้นใครได้ไปเวลายิงขีปนาวุธใส่ ศรัตรูก็ตรวจหาไม่เจอด้วยเรด้าร์ พนักงานกลุ่มนี้กำลังเดินทางไปประเทศจีน เพื่อขายและถ่ายทอดเทคโนโลยี่ ทางปัญญามนุษยชาติใหม่นี้ให้กับจีน หลายคนอาจมีคำถามว่า ทำไมไม่ประกบตัวอุ้มขึ้นรถตู้ไปก่อนบิน !!..นั่นแสดงว่ายังไม่รู้จักอเมริกาดีพอ “ เล็กๆ พี่ไม่ ใหญ่ๆ พี่ทำ “ นี่คือสไตล์เขามานานแล้ว คือ เลือกทำแต่เรื่องไฮโซ ว่างั้นเถอะ
สงครามโลก ระเบิดนิวเคลียร์ญี่ปุ่น สงครามเวียดนาม สงครามเกาหลี หนุนสงครามอิรัก-อิหร่าน ต่อมาเปิดศึกกับอิรัก จัดการซัดดำ หนุนอิสราเอลที่เป็นไข่แดงล้อมด้วยอาหรับ โค่นตาลีบันอาฟกานิสถาน ลอบสังหารบินลาเดนกลางปากีสถาน ล้มซีเรียและจัดการกัดดาฟี แยกซูดานเหนือ-ไต้ หนุนอาหรับสปริงค์ จนผู้นำประเทศล้มเป็นโดมิโน่ กันเป็นแถบชั่วไม่กี่เดือน ขนาดอียิปต์ที่ผู้นำครองอำนาจแข็งโป๊กมา 30 ปี เป็นไง..เละเทะ และอีกสารพัดโปรเจกที่เขาทำ !! ล่าสุดหนุนประชาชนยูเครน ก่อสงครามกลางเมืองอีก เพื่อตอบโต้รัสเซียที่ขายเรือดำน้ำให้เวียดนาม..

2. อีกเป้าหมายคือ ควบคุมเครื่องบินเอาสินค้าลับของตนเองกลับไป เพราะมีรายงานลับการบรรทุกสินค้าวัตถุนิวเคลียร์หรือชีวะภาพ โดยเรือเดินทะเลขนาดใหญ่ชองสหรัฐ ไปพักของที่สาธารณรัฐเซเชลเลส ที่เป็นประเทศที่เป็นหมู่เกาะที่อยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ ของแอฟริกา ในมหาสมุทรอินเดีย จากนั้นขนต่อมาที่มาเลเซีย แล้วถ่ายขึ้นเครื่องบินลำนี้เพื่อไปที่ปักกิ่ง

แต่เหมือนสหรัฐ จะระแคะระคายรู้ว่ามีการทรยศขายความลับ ให้กับรัสเซีย และจีน ซึ่งเตรียมจะบังคับเครื่องบินเที่ยวนี้ ให้ไปจอดที่สนามบินมณฑลไหหลำก่อน เพื่อเช็คว่ามันคืออะไรกันแน่ สหรัฐจึงต้องมาชิงเอาสินค้านิวเคลียร์หรือชีวะภาพ เขาคืนไปเสียก่อน ตามวิธีการข้างต้น เพราะคอนเทนเนอร์สินค้านี้มันใหญ่ จึงต้องจี้เอาเครื่องบินนี้ไปทั้งลำเลย โดยติดผู้โดยสารและลูกเรือไปด้วย

และการจี้ควบคุมผู้โดยสารนั้น ไม่มีทางที่ผู้โดยสารจะรู้ว่าใครเป็นคนทำ เขาจะต้องใช้มืออาชีพทำ ปกปิดทั้งใบหน้าและสำเนียงภาษาที่ใช้ และคาดได้ว่าผู้โดยสารทุกคนปลอดภัย (ถ้าไม่ขัดขืนหรือสู้เขา) ได้รับการดูแลตามสมควรพื้นฐาน เพราะจุดคุมขังที่พื้นที่เกาะโคทาวารี (นิโคบาร์) , เกาะดิเอโก้ การ์เซีย หรือไปที่ สาธารณรัฐเซเชลเลส ในมหาสมุทรอินเดีย นั้นเขาต้องเตรียมการด้านอาหารทั้งผู้ใหญ่และเด็ก เครื่องนุ่งห่ม จุดคุมขัง และยารักษาโรค เพียงจำกัดเสรีภาพห้ามสื่อสารเท่านั้น

บางคนถามต่อว่ามาเลย์เซียที่เป็นเจ้าของสายการบิน และอินเดีย ที่เป็นเจ้าของเกาะฯ เขาจะไม่รู้หรือ !! ก็รู้ไง..แต่น้ำมันท่วมปาก และใครล่ะอยากขัดใจกับอเมริกา ไม่งั้นจะอ่วม ก็ต้องงึมๆ งำๆ ดำน้ำบุ๋งๆ ทำเป็นเบี่ยงประเด็นไปมา แล้วจะค่อยๆ ปล่อยออกมาทีละนิด..สังเกตุไหมว่ามีผู้โดยสารมาเลย์เซียถึง 38 คน..แต่มาเลย์เซีย กลับไม่มุ่งมั่น เอาจริงเอาจริง ในการค้นหาเท่าที่ควรจะเป็นวิสัย !!

แล้วจีนทำเหตุนี้เองได้ไหมเพื่อร้ายสหรัฐ ก็เป็นไม่ได้อีก เพราะมีผู้โดยสารของเขาอยู่มากที่สุดราว 153 คน แถมมีศิลปินแห่งชาติของเขาบนเครื่องด้วย เรื่องวัฒนธรรมนี่จีนเขาปกป้องคนและของเขาสุดๆ และตามประวัติของจีน เขาไม่ทำเรื่องทำนองแบบนี้ อีกทั้งไม่เกิดประโยชน์อันใด เพราะปลายทางเครื่องก็ต้องไปจอดที่ประเทศเขาอยู่ดี

เรื่องนี้กองทัพชายชุดขาวของไทยรู้ดี ในช่วงการค้นหาวันแรกๆ ที่เหนื่อยใจ กับการประสานงานจากมาเลยเซียมาก เพราะเขาให้ข้อมูลแนวเดียวกัน คือ แถๆๆๆ ให้ข้อมูลสับสน จนไทยต้องสั่งระงับการค้นหาในอ่าวไทยไว้ชั่วคราวก่อน

ระดับตำรวจโลกอย่างอเมริกา จะทำอะไรเขาต้องการให้มันบะเร่อเฮิ่ม และต้องตีกระทบชิ่งอีกหลาย Step ต่อจากงานนี้แน่ๆ เพื่อหวังผลทางการเมืองระหว่างประเทศ อีกหลายงานหน้า เขาวางหมากครั้งนี้เพื่อแผนการใหญ่ต่อไป คือแหล่งพลังงานตรงหมู่เกาะสแปรตลี่ย์ และบล๊อก 3 หางสายน้ำมัน ตรงอ่าวไทยต่อไปจังหวัดชายแดนไต้นั่นเอง

การทำครั้งนี้เพื่อไม่ให้จีนได้เทคโนโลยี หรือวัตถุร้ายแรงนี้ไป ก็เพื่อหยุด หรือชะลอ บล็อกไม่ให้จีนจอมก๊อบปี้ แล้วเพสท์ กลายเป็นผู้นำอาวุธไฮเทคใหม่ และถึงขั้นพัฒนาต่อยอด ถ่ายทอดไปให้เกาหลีเหนือ ที่ฮึ่มๆ จะยิงขีปนาวุธ ที่อ้างว่าติดหัวรบนิวเคลียร์ใส่ประเทศต่างๆ แม้แต่อเมริกาเองยังเคยโดนขู่จนป่วนมาแล้ว ถ้าหยุดจีน และรัสเซียได้ เขาก็จะยังคงดุลอำนาจทางทหารในภูมิภาคเอเซียนี้ต่อไป

ที่น่าสนใจก็คือ หลังจากนี้อเมริกาผู้พิทักษ์โลก ที่กำกับการแสดง จะมามุกไหน กับชีวิตผู้โดยสารกว่าสองร้อยคน ที่ควบคุมอยู่..การเปิดม่านฉายหนังโปรแกรมหน้า จะเกิดขึ้นเร็วๆ นี้แน่ แต่อาจจะทำคนดูถึงกับอ้าปากหวอ ตาค้า เหมือนดูหนังฮอลีวู๊ดว่า..มันคิดพล๊อตเรื่องนี้ได้ไงวะนี่


ที่มา: soccersuck.com/boards/topic/1019695


เครดิต โพสจัง

noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
add
เรทกระทู้
« ตอบ #5 เมื่อ: 26 มี.ค. 14, 21:26 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
 

ลงแล้วข้อความไม่ขึ้น..

noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า
Tags:  โยง 370 สอบ 

หน้า: 1

 
ตอบ

ชื่อ:
 
แชร์ไป Facebook ด้วย
กระทู้:
ไอค่อนข้อความ:
ตัวหนาตัวเอียงตัวขีดเส้นใต้จัดย่อหน้าชิดซ้ายจัดย่อหน้ากึ่งกลางจัดย่อหน้าชิดขวา

 
 

[เพิ่มเติม]
แนบไฟล์: (แนบไฟล์เพิ่ม)
ไฟล์ที่อนุญาต: gif, jpg, jpeg
ขนาดไฟล์สูงสุดที่อนุญาต 20000000 KB : 4 ไฟล์ : ต่อความคิดเห็น
ติดตามกระทู้นี้ : ส่งไปที่อีเมลของสมาชิกสนุก
  ส่งไปที่
พิมพ์อักษรตามภาพ:
พิมพ์ตัวอักษรที่แสดงในรูปภาพ
 
:  
  • ข้อความของคุณอยู่ในกระทู้นี้
  • กระทู้ที่ถูกใส่กุญแจ
  • กระทู้ปกติ
  • กระทู้ติดหมุด
  • กระทู้น่าสนใจ (มีผู้ตอบมากกว่า 15 ครั้ง)
  • โพลล์
  • กระทู้น่าสนใจมาก (มีผู้ตอบมากกว่า 25 ครั้ง)
         
หากท่านพบเห็นการกระทำ หรือพฤติกรรมใด ๆ ที่ไม่เหมาะสม ซึ่งอาจก่อให้เกิดความเสื่อมเสียแก่สถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ รวมถึง การใช้ข้อความที่ไม่สุภาพ พฤติกรรมการหลอกลวง การเผยแพร่ภาพลามก อนาจาร หรือการกระทำใด ๆ ที่อาจก่อให้ผู้อื่น ได้รับความเสียหาย กรุณาแจ้งมาที่ แนะนำติชม