ผวา!! นาซาเตือน"พายุสุริยะ"โหดสุดในรอบ100ปี พร้อมนำหายนะสู่โลก!?
นาซาเตือน เฝ้าระวังพายุสุริยะระดับรุนแรงที่สุดในรอบ 100 ปี อาจสร้างภัยพิบัติต่างๆ ทำประชาชนปั่นป่วนทั่วโลก
วันนี้ (6 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า องค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติ หรือ นาซา ออกมาเตือนว่าให้เฝ้าระวังการเกิดพายุสุริยะระดับ Super X-Class ที่รุนแรงที่สุด ซึ่งมีโอกาสสูงที่จะเกิดขึ้นในปีนี้ อาจส่งผลให้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทั้งหมดใช้การไม่ได้ และปรากฎการณ์ดังกล่าวจะร้ายแรง เหมือนที่เคยเกิดขึ้นในปี 1859 ที่พายุสุริยะได้ส่งผลกระทบอย่างหนักทั่วอเมริกาและยุโรป ทำให้สายโทรศัพท์ไหม้ทั่วทั้งทวีป
จากรายงานพบว่า ปรากฎการณ์พายุสุริยะขั้นรุนแรงจะเกิดขึ้น 1 ครั้งในรอบ 100 ปี และหากเกิดขึ้นในยุคปัจจุบัน ก็คาดการร์ได้ว่า จะทำให้เกิดพายุหมอกควันปกคลุมในเมืองใหญ่ของยุโรป เช่น กรุงลอนดอน, ปารีส และนิวยอร์ก นอกจากนี้ยังมีการณ์ประเมินด้วยว่า พายุสุริยะดังกล่าว จะมีอานุภาพเหมือนระเบิดนิวเคลียร์กลางอวกาศ ซึ่งครั้งล่าสุดเกิดขึ้นเมื่อปี 1989 เป็นพายุสุริยะระดับธรรมดา แต่ส่งผลให้เกิดภาวะไฟดับกระทบทั่วแคว้นควีเบค ของแคนาดา
ทั้งนี้พายุสุริยะ(solar storm) แปลตรงตัวคือคำว่า พายุ ที่เกี่ยวกับลม หรือฝนที่ตกหนักมาก กล่าวถึงลมสุริยะที่พัดเร็ว หรือมีสนามแม่เหล็กเข้มข้นสูงมากกว่าลมสุริยะธรรมดา สิ่งนี้คือ CME (ปรากฎการณ์การพ่นมวลพลาสมาจากชั้นโคโรนาของดวงอาทิตย์) ความเร็วทั่วไปของ CME หรือ พายุสุริยะ อยู่ที่ 300 - 3,000+ กิโลเมตร / วินาที เลย ซึ่งการระเบิดออกมาดังกล่าว จะส่งสนามแม่เหล็กที่เข้มข้นสูง, ประจุไฟฟ้าพวกอิเล็กตรอน, ไอออนของธาตุต่างๆ และรังสีอนุภาคโปรตอน 3700 หน่วย (solar flux unit // sfu) ในเหตุการณ์ที่มีความยาวคลื่นวิทยุ 10.7 เซนติเมตร (คลื่นวิทยุ 10.7 ซม.เรียกง่ายๆ ว่า Solar flux ที่บอกความเข้มสนามแม่เหล็กระดับพื้นผิวดวงอาทิตย์)
อย่างไรก็ตามผลกระทบต่อโลกจากพายุสุริยะระดับ Super X-Class นี้จะทำให้เกิดพายุแม่เหล็กชั้นบรรยากาศโลก หรือ Geomagnetic Storm ซึ่งจะทำให้ประเทศแถบขั้วโลกเกิดเห็นแสงออโรร่า , เกิดสัญญาณรบกวนการสื่อสารในบางความถี่ (Kp = 5-7) และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์หรือท่อส่งน้ำมัน และขดลวดในหม้อแปลงอาจมีแรงดันไฟฟ้าสูงทำให้อุปกรณ์เกิดระเบิดได้ (กรณีที่ค่า Kp = 8-9 ขึ้นไป), เกิดการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ, ประจุไฟฟ้าจำนวนมากจากคลื่นพลังงานมีบางส่วนหลุดลงมาที่โลก จึงไปเร่งปฏิกิริยากับของเหลว(แมกม่า)หรือแร่ธาตุใต้โลกเกิดสถานะ High-spin (หมุนปั่นเร็ว) จนทำให้เกิดมีแผ่นดินไหวภูเขาไฟระเบิดในเวลาต่อมาของบางแห่งบนโลกได้
โพสจัง