ขอเริ่มเรื่องเลยแล้วกันนะครับ ผมอาศัยอยู่ อ.แกลง จ.ระยอง เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมาผมต้องกลับเข้ากรุงเทพมาทำงานตามปกติ ซึ่งวิธีที่ผมเลือกใช้ประจำคือ "รถทัวร์" แน่นอนว่าถ้าเป็นสายภาคตะวันออก คงจะมีอยู่ไม่กี่บริษัท
ผมซึ่งไปจองรถตั้งแต่ 2 ทุ่มกว่า ๆ แต่รอบรถที่ได้กลับเป็นรอบ ตี1 อาจจะเพราะเป็นช่วงเทศกาลตรุษจีนด้วยที่คนกลับบ้านกันเยอะ ก็ไม่เป็นไรผมกับเพื่อนๆ ก็หาที่นั่งคุยกันไปเรื่อย ๆ พอใกล้ตี 1 เพื่อนก็มาส่งเตรียมขึ้นรถกลับ
เวลาประมาณตี 1 แอบตกใจเล็ก ๆ มาตรงเวลาได้ไง ปกติควรจะมาช้าอย่างน้อย 20 นาทีนี่นา ( ถึงน้องที่ขายตั๋วจะบอกว่าให้พี่มาก่อนสัก 10 นาทีทุกครั้งก็เถอะ แน่นอน...รถก็มาสายทุกครั้งเช่นกัน )
ผมรีบวิ่งมาขึ้นรถเพราะว่านั่งคุยกับเพื่อนอยู่ไกลจากที่จอดรถอยู่พอสมควร ปรากฎ...ไม่ใช่จ้ะ วิ่งมาเก้อ คันนี้น่าจะสายมาจากรอบ เที่ยงคืนครึ่ง กลับมานั่งรอต่อไปอีกสัก 20 นาที รถทัวร์ 917-16 กรุงเทพ-ตราด ก็เข้าที่จอดรถ ( สายแบบนี้สิคุณค่าที่คู่ควร ขอบคุณที่ทำให้ความเชื่อใจในเรื่องเวลาของผมไม่พังทลาย )
ขึ้นรถมาอย่างสบายใจ วันนี้ที่นั่ง B6 ด้านหลังไม่มีเบาะใคร ปรับเอนได้แบบสบาย ๆ ผ้าห่มพร้อมเตรียมหลับได้ แถมยังได้ออฟชั่นเสริมเหมือนกับว่าได้อยู่ในโรง IMAX 4DX วิวข้างที่จะเห็นเป็นระยะๆจากแสงไฟข้างทาง เสียงเครื่องที่ดังมาก กลิ่นห้องน้ำโชยมาเบา ๆ ผสมกับกลิ่นเครื่องยนต์ และระบบสั่นสะเทือนที่คิดว่ายังไงก็ชนะโรง IMAXแบบขาดลอย แต่เพราะเหนื่อยมาทั้งวันกับดึกแล้วก็ทำให้เผลอหลับไป...
ไม่แน่ใจว่าหลับไปนานเท่าไร แต่ผมก็สะดุ้งตื่นมาด้วยแรงสั่นสะเทือนที่ไม่น่าจะใช่จากตัวเครื่องรถ เสียงร้องตกใจของหลาย ๆ คนดังขึ้น ( จริง ๆ ผมอาจจะตื่นเพราะเสียงนี้ก็ได้ )รถเริ่มส่ายไปมาเหมือนจะควบคุมไม่อยู่ พร้อมกับได้ยินเสียงเหมือนรถเหยียบหรือไม่ก็ชนกับอะไรสักอย่าง ( ผมนี่รีบหันไปดูข้างทางเลย ไม่รู้ทำไมแต่อยู่ ๆ คิดขึ้นมาว่าถ้าอยู่บนทางด่วนน่าจะเส้นบูรพาวิถี ถ้าชนกับอะไรสักอย่างยังอาจจะพอรอดได้ แต่ถ้าตกลงมาด้านล่างเนี่ย ตายแน่ ๆ ) รถส่ายอยู่สักพักนึง
ก็เริ่มกลับมาควบคุมได้ แล้วก็จอดได้ในที่สุด ได้ยินเสียงคนขับเปิดประตูรถไปดู แปปเดียวก็กลับขึ้นรถมาแล้วก็อาศัยจังหวะที่คนทั้งรถทั้งตกใจ ทั้งงง แล้วก็ขับรถต่อไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ( เฮ้ย ถึงจะงงอยู่แต่ก็อย่างรู้นะว่าเกิดอะไรขึ้น )
ดูข้างทางน่าจะเลยชลบุรีมาแค่นิดเดียว ระหว่างที่นั่งตื่นเต้นกันไปเรื่อย ๆ อยู่ ๆ น้องผู้ชายคนนึงก็ลุกแล้วเดินไล่บอกมาตั้งแต่หน้ารถประมาณว่า "คนขับเมา คงขับไม่ไหวแล้ว มีใครจะลงบ้างไหมครับ" กลายเป็นทีนี้ทุกคนก็เริ่มแตกตื่นกัน พี่ที่นั่งอยู่ D6 ลุกขึ้นไปคุยกันที่แถว ๆ โซนคนขับรถเหมือนกัน
ได้ยินเสียงกระเป๋ารถพูดมาประมาณว่า "ลงตรงนี้ก็ได้นะคะ แต่ว่าตรงนี้ยังไม่มีรถ taxi วิ่งมาถึงค่ะ" ( อ้าว...เอาแล้วไง จะลงก็ไม่ได้ จะไปก็ไม่รู้ว่าจะถึงรึเปล่า ไม่เหลือทางเลือกให้กันเลยเหรอ -*- ) พยายามที่จะฟังที่เขาคุยกันต่อก็ฟังไม่ค่อยรู้เรื่อง สุดท้ายทั้งพี่ D6 และน้องผู้ชายคนนั้นก็กลับมานั่งที่ ตัวผมเองก็พยายามมองหารถ taxi อยู่เหมือนกัน ทั้งฝั่งที่รถตัวเองวิ่งหรือฝั่งตรงข้าม ก็ยังไม่มีสักคันจริงๆ ( ในเวลาแบบนี้นึกถึงแถวสยามขึ้นมาทีเดียว จะส่งรถ เติมแก๊ส รอฝรั่ง อย่างน้อยก็ยังมีให้เราพยายามโบกต่อไป )ระหว่างนั้นก็ได้แต่คิดเดี๋ยวข้างหน้าก็ถึงที่เติมน้ำมันของบริษัทนี้แล้ว ขับช้า ๆ ไปเรื่อย ๆ ถ้าเขาเมาจริงพี่เขาคงสร่างเมาไปบ้าง
ขณะที่นั่งไปความเร็วของรถก็เร่งความเร็วสลับกับช้าไปตลอดทาง ถ้าผมคิดคงเป็นคนขับที่อยากจะเหยียบให้มิด ๆ จะได้ถึงไว ๆ ส่วนกระเป๋ารถน่าจะคอยบอกให้เบาไว้ จนในที่สุดเราก็ฝืนนั่งกันมา แล้วก็ตัดใจจาก taxi ได้แต่มองว่าเมื่อไรที่จะถึงเอกมัยซะที ส่วนตัวผมคิดว่าถึงแค่ที่แยกบางนาก็คงจะลงแล้ว พอมาถึงไบเทคบางนาผมเริ่มอุ่นใจแล้ว รอด ๆ ไม่เกิดอะไรขึ้น ข้างหน้าก็ได้ลงแล้วหละ โดยที่ลืมนึกไปเลยว่า
ข้างหน้านี่ต่างหากที่น่ากลัวจริง ๆ ถ้าใครที่ใช้ทางเส้นนี้บ่อย ๆ คงจะพอนึกออก...ใช่ครับ มันคือ สะพานโค้งตรงแยกบางนา...จังหวะที่ผมนึกขึ้นได้แล้วคิดว่าควรจะลงก่อนมันก็ไม่ทันแล้ว รถค่อย ๆ เร่งขึ้นสะพานโค้งไป ด้วยความเร็วที่ไม่น่าจะมีการแตะเบรคสักเท่าไร
พอเหมือนกับรถพุ่งตัวไปเร็วเต็มที่ แล้วคนขับอยู่ ๆ ก็เหยียบเบรค แล้วกระชากรถกลับเข้ามาในทาง จังหวะนั้นทุกคนคงรู้สึกได้ว่ารถโยกและเอนมาก เสียงกรี๊ดจึงดังขึ้นมาอีกครั้งนึง ถ้านึกเสียงกรี๊ดไม่ออก ลองนึกภาพตอนที่คนกรี๊ดตอนเล่นไวกิ้งที่สวนสนุก แต่อันนี้ไม่ใช่เสียงกรี๊ดเพราะความสนุก แต่ผมคิดว่าทุกคนทำมันออกมาด้วยอารมณ์กลัวตายกันแน่ ๆ
ผมที่นั่งอยู่ขนาดไม่ได้อยู่นั่งติดกระจก แต่มองออกไปนอกรถอยู่ยังรู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองได้รับสิทธิ์พิเศษได้ที่นั่งริงไซด์ แต่ไม่ใช่อยู่ชิดขอบเวทีกลับเป็นชิดกับขอบสะพานแบบที่ไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน
.....สุดท้ายก็รอดมาได้ แน่นอนว่าไม่ใช่ผมคนเดียวแล้วที่คิดจะลงตรงนี้ น้องผู้ชายคนเดิมเริ่มเดินบอกทุกคนอีกครั้งหนึ่งให้ลงเถอะ คนขับไม่ไหวแล้วจริง ๆ คราวนี้ไม่ยากเหมือนรอบแรก ทุกคนพร้อมใจกันลงโดยไม่ต้องนัดหมายกันมาก่อน
พอลงเห็นสภาพคนขับและสภาพรถแล้ว ผมคิดว่า...ความดีที่ผมสะสมมา(ถึงจะไม่ค่อยมีก็เถอะ)ผมคงใช้ไปหมดแล้วในครั้งนี้ ถึงทำให้ผมยังมีชีวิตยืนอยู่ตรงนี้ได้
สภาพของคนขับคือ ไม่สามารถที่จะพูดจาโต้ตอบกับเราได้รู้เรื่องได้ ดูจากสภาพแล้วแค่ประคองตัวเองให้ลุกขึ้นมาจากที่นั่งคนขับก็คงเป็นเรื่องยากสำหรับเขาแล้ว ( จริง ๆ ตลอดทางพี่ปกติดี พี่พึ่งจะมีสภาพแบบนี้เพราะผ่านโค้งที่เราเหมือนเล่นไวกิ้งแล้วกรี๊ดไปพร้อม ๆ กันจนมีสภาพแบบนี้ใช่ไหมครับ )
ส่วนสภาพของรถก็ตามภาพเลยครับ รอยชนได้จากการที่ขับทางตรงอยู่แล้วคนขับก็เบียดเข้าไปชนกับที่กั้นไหล่ทางจนด้านหน้าพัง ด้านข้างที่ปิดล้ออยู่ก็หลุดออกมา จนผู้โดยสารต้องไปช่วยพี่กระเป๋าดึงให้หลุดออกมาแล้วเก็บใส่เข้าไปใต้ท้องรถให้รถวิ่งต่อได้
พอเหตุการณ์เรียบร้อย รถทัวร์ก็ขับจากไป ผู้โดยสารคนอื่น ๆ ก็ค่อย ๆ ทยอยเรียก taxi ที่นาน ๆ จะขับผ่านมาสักคัน ผมที่ไม่ได้รีบอะไร ก็เลยยืนคุยกับผู้โดยสารคนอื่น ก็ได้ความว่า จริง ๆ คนขับน่าจะมีสภาพแบบนี้ตั้งแต่ที่ตราดแล้ว ตรงถึงจันทบุรีก็มีเกือบจะเข้าเกาะกลางไปหนึ่งรอบแล้ว พอมีน้องคนนึงไปบอกว่าให้ขับรถช้า ๆ หน่อย คนขับรถก็ให้กระเป๋ารถมาบอกว่าประมาณว่าน้องมีปัญหาอะไร
( ตรงนี้ผมไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ จับประเด็นจากที่เขาเล่าให้ฟังได้ประมาณนี้นะครับ )
การแก้ปัญหาของผมในครั้งนี้คงไม่ใช่วิธีที่ถูกนัก ถ้าจะให้ปลอดภัยจริง ๆ ผมควรเลือกที่จะลงจากรถ แล้วหาที่นอนพักก่อนหรืออะไรน่าจะดีกว่าที่จะฝืนนั่งต่อไป ถือว่ารอบนี้ผมคงโชคดีมาก ๆ ที่ผ่านมาได้โดยไม่เกิดอุบัติเหตุอะไร
อ่านต่อ http://pantip.com/topic/33288094