ที่มาNatural Life
สวัสดีปีใหม่ค่ะ ชาวพันทิปทุกท่าน
เนื่องจากช่วงนี้เกิดเหตุบนท้องถนนมากมาย
เราจึงอยากมาแชร์ประสบการณ์ของครอบครัวเราที่ได้พบเจอมา
พิมพ์ผิดพลาดประการใดขออภัยนะคะ
ถึงแม้เหตุการณ์นี้จะเกิดมานานกว่าสามปีแล้วแต่ก็ยังอยู่ในความทรงจำของเราค่ะ
ช่วงประมาณปลายเดือนธันวาคม 2545 น้าชายเราได้ไปเที่ยว ตจว. กับครอบครัว
มีน้าชาย ภรรยา และลูกๆที่น่ารักวัยกำลังเรียนอีก 4 คน
เมื่อกลับมาถึงบ้าน น้าชายจึงได้ขี่มอเตอร์ไซค์เอาของฝากมาให้ครอบครัวเรา
ประมาณ 3 ทุ่มน้าชายจึงขี่มอเตอร์ไซค์กลับบ้าน
ระยะทางจากบ้านเราไปหาน้าชายประมาณ 5-6 กิโล บ้านอยู่ซอย ใกล้ๆกันค่ะ
พอน้าชายออกไปไม่ถึงสิบนาที ก็มีคนขี่มอเตอร์ไซค์มาเรียกหน้าตาตื่น
ว่าน้าชายเราถูกรถกระบะพุ่งชน พวกเราตกใจมาก รีบออกไปดู
ไปถึงจุดเกิดเหตุห่างจากบ้านเราไปไม่ถึง 2 กิโลด้วยซ้ำ
พวกเราเห็นสภาพน้าชาย คือ มีล้อรถกระบะทับอยู่บนตัวน้าชาย มีรถมอเตอร์ไซค์เละคาล้ออยู่ใกล้ๆ
ตอนนั้นทั้งตกใจทั้งช็อคจนพูดไม่ออก แต่ญาติบางคนร้องกรี๊ดด้วยความตกใจ
โชคยังดีมีคนแจ้งมูลนิธิก่อนหน้าที่พวกเราจะมาถึงแล้ว รถจึงมาไว
จนท. รีบเอาร่างน้าชายออกมาจากรถกระบะคันนั้น พวกเราไม่กล้ามองร้องไห้กันใหญ่ น้าชายเลือดท่วมไปทั้งตัว
แต่ จนท . บอกว่าน้าชายยังไม่เสียชีวิต คงเพราะน้าใส่หมวกกันน็อคเอาไว้
ส่วนคนขับรถกระบะ ยังนั่งสลบอยู่บนรถ
ผู้เห็นเหตุการณ์เล่าว่า รถกระบะขับส่ายไปมา พุ่งข้ามเลนมาชนน้าชายเรา
เมื่อ จนท. พาน้าชายเราออกมา และไปดูคนขับ ปรากฏว่ากลิ่นเหล้าหึ่งมาก
คนขับรถกระบะไม่เป็นอะไร แต่พูดไม่รู้เรื่องเนื่องจากเมาหนัก
จนท. จึงพาน้าชายเราและคนขับรถกระบะไปโรงพยาบาล และรีบโทรแจ้งครอบครัวน้าชาย
พวกเรารีบขับรถตามรถน้าชายไป ดีที่โรงพยาบาลเอกชนอยู่ใกล้บ้านมาก
เมื่อถึงโรงพยาบาล หมอพาเข้าห้องไอซียู พวกเราทุกคนนั่งลุ้นนั่งร้องไห้ ขอให้น้าชายปลอดภัย
เมื่อภรรยาและลูกๆของน้าชายมาถึง พวกเรากอดกันร้องไห้ รีบไปหาหนังสือสวดมนต์ในโรงพยาบาลมาสวดกันใหญ่
น้าชายเข้าห้องไอซียูไปกี่ชั่วโมงจำไม่ได้ ทุกนาทีนั้นนานมาก แต่ทุกคนก็ยังเฝ้ารอด้วยความหวังแม้จะน้อยนิด
จนกระทั่งหมอเดินออกมาจากห้องฉุกเฉิน หมอบอกว่าตอนนี้อาการยัง50/50 เพราะเสียเลือดมาก
น้าชายม้ามแตก กระดูกหักทิ่มปอด และขาทั้งสองข้างหักแต่ขาขวาหักละเอียดคงไม่สามารถเดินได้อีกแล้ว
ตอนนั้นทุกคนได้แต่ร้องไห้ ภาวนาให้น้าชายรอดก่อน เดินได้ไม่ได้ค่อยว่ากัน
พวกเราขอร้องหมอรักษาน้าชายให้เต็มที่ เท่าไหร่ไม่ว่ากันขอชีวิตน้าชายคืนมาก็พอ
ตอนนั้นน้าชายอยู่ไอซียูเป็นเดือนและต้องพักฟื้นในโรงพยาบาลอีก3เดือนค่ะ
ค่ารักษาหลายแสนบาท เพราะหมอบอกว่าร่างกายน้าชายไม่สามารถย้ายโรงพยาบาลได้
แต่ไม่เป็นไร น้าเรารอดกลับมาก็พอ
ตัดมาที่คนขับรถกระบะนะคะ เป็นผู้ชายวัยรุ่นค่ะ เอารถพ่อมาขับ
เราไม่ทราบผลการตรวจวัดแอลกอฮอล์เนื่องจากตอนนั้นเราอยู่ฝั่งเฝ้าน้าชาย
ญาติจะแบ่งเป็นสองฝั่ง ฝั่งนึงตามเรื่องคดี อีกฝั่งมาดูแลน้าชายค่ะ
แต่คร่าวๆคือ แอลกอฮอล์เกินกำหนดไปมาก ถึงขนาดขับรถชนคนยังไม่รู้เรื่องคิดว่าเค้าเมาขนาดไหนคะ
ช่วงแรกๆ ก็ไปตกลงกันที่โรงพัก ทางฝั่งนั้นเป็นลูกคนมีสี นี่แหละค่ะ เหมือนเดิม คดีไม่คืบหน้า
และที่แย่กว่านั้น ระหว่างที่น้าชายเราอยู่ไอซียูและรักษาตัวในโรงพยาบาล ผู้ชายคนนั้นไม่เคยมาเยี่ยมเลยสักครั้ง
ส่วนพ่อ
แม่ผู้ชายคนนั้นมาแค่ครั้งเดียวกับกระเช้าใบนึง ตอนแรกตกลงกันว่าทางฝั่งที่ชนจะรับผิดชอบค่าเสียหายทุกอย่างในการรักษา
ไปๆมาๆ ค่ารักษาน้าชายเราประมาณ 5-6 แสนบาท เราจำไม่ได้เพราะเรื่องเป็นสิบปีแล้ว ทางฝั่งนั้นจ่ายมา 6 หมื่น บอกว่ามีแค่นี้
แต่มีเงินไปถอยรถกระบะคันใหม่มาขับหน้าตาเฉย โดยที่ไม่มีการดำเนินคดีใดๆอีกด้วย
ทางเรานัดคุยต่อหน้าตำรวจเรื่องค่ารักษา ทางฝั่งรถกระบะบอกว่ามีเงินแค่นี้ถ้าอยากได้ไปฟ้องร้องเอาเอง
ญาติทางฝั่งเรา ก็จัดการฟ้องร้องให้ตามคำขอค่ะ ก็ดำเนินการตามกฎหมาย จนกระทั่งน้าชายออกจากโรงพยาบาล
ค่าใช้จ่ายในโรงพยาบาลของน้าชาย ครอบครัวเราและน้าช่วยกันออก ส่วนน้าไม่สามารถเดินได้อีกแล้ว
ก็ฟ้องร้องกันมาเป็นปี น้าชายเราก็ซื้อรถเข็นมาใช้
วันที่จะขึ้นศาล ผู้ชายคนขับรถกระบะมาดักรอน้าชายเราหน้าศาลค่ะ
พร้อมซื้อกระเช้าดอกไม้ ก้มกราบน้าชายเราแล้วร้องไห้ บอกว่าขอโทษอย่าเอาความได้ไหม เค้าไม่มีเงินจ่ายจริงๆ
อ้าวแล้วที่ทางครอบครัวคุณท้าให้ไปฟ้องศาลล่ะคะ แล้วการที่น้าชายเราเป็นคนพิการจากการเมาแล้วขับของคุณล่ะ
ครอบครัวน้าชายภรรยาและลูกเล็กๆ อีก4ชีวิตที่มีพ่อเป็นเสาหลักล่ะคะ เค้าจะกินอะไรกัน
คุณยังมีรถกระบะไปขับอวดชาวบ้านเลยนี่ว่ามีรถใหม่
ตอนนั้นทุกคนบอกน้าชายว่า อย่าไปยอม แต่น้าชายเป็นคนขี้สงสาร กลับยอมความให้ซะงั้น
ส่วนเรื่องเมาแล้วขับ เราไม่ทราบนะคะว่าตำรวจเขียนราย
งานว่ายังงัย
เพราะพอน้าชายไม่เอาความ ผู้ชายคนนั้นเค้าไม่ติดคุกนะคะ ก็ยังขับรถลอยหน้าลอยตาอยู่ในสังคมจนทุกวันนี้
ตัดมาที่น้าชาย พอมาเป็นคนพิการ ภรรยาน้าชายจากที่เป็น
แม่บ้าน ก็ต้องออกมาทำงานแทนน้าชาย
ธุรกิจที่น้าชายเป็นคนสร้างก็โดนลูกน้องโกงไปจนเกือบหมดตัว
เพราะช่วงที่น้าชายเข้าโรงพยาบาล ภรรยาน้าให้ลูกน้องที่ไว้ใจดูแลกิจการให้ เป็นลูกน้องที่ทำงานมาด้วยกันมาเป็นสิบปี
ไม่คิดว่าลูกน้องจะมาหักหลังกันได้ลงคอ
น้าชายและภรรยาเลยช่วยกันสานต่อธุรกิจที่เหลือเล็กน้อยอย่างยากลำบากเพราะน้าชาย เดินทางไปคุยธุรกิจเหมือนเดิมไม่ได้อีกแล้ว
ส่วนภรรยาน้าก็ขับรถไม่เป็น เงินทองที่มีก็ร่อยหลอลง ครอบครัวเราก็ช่วยน้าชายเสมอๆ
หลายปีผ่านไปน้าชายเริ่มพอจะกลับมาตั้งตัวได้อีกครั้ง แต่ก็ไม่ได้สุขสบายเหมือนเดิม
เพราะน้าชายทำงานหนัก มากค่าเทอมลูกๆหลายคน ทั้งค่าคนงาน
น้าชายเครียด พยายามออกไปติดต่อธุรกิจ งานเอกสารก็ทำคนเดียวเพราะภรรยาก็ต้องเลี้ยงดูลูกๆ และดูแลคนงาน
กลางปี 56 น้าชายไปหาหมอ เพราะปวดท้องมา2-3 ปีแล้ว หาคลีนิคแถวบ้านก็ได้แต่ยาแก้กระเพาะ แก้เครียดมากิน
จนน้าชายทนไม่ไหว ไปหาหมอ ผลออกมาคือน้าเป็นมะเร็งตับระยะสุดท้าย หมอบอกว่าน้าชายมี ไวรัสตับอักเสบสองตัวอยู่ในร่างกาย
หมอสันนิษฐานว่าอาจเกิดจากอุบัติเหตุคราวนั้น ที่น้าชายถูกรถชน และให้เลือดที่โรงพยาบาล ทำให้มีไวรัสปนมากับเลือด