นับตั้งแต่กลุ่มบริษัทคิง เพาเวอร์ ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2532 ในการดำเนินธุรกิจร้านค้าปลอดภาษี และอากรในเมืองแห่งแรกของประเทศไทย ณ อาคารมหาทุนพลาซ่า กระทั่งในปัจจุบันคิง เพาเวอร์มีห้างสรรพสินค้าปลอดอากร และร้านค้าปลอดอากรกระจายอยู่ทั่วภูมิภาคของประเทศไทย
รวมไปถึงธุรกิจภัตตาคารรามายณะ, โรงละครอักษรา, โรงแรมพูลแมน กรุงเทพ คิง เพาเวอร์ และกิจการร่วมค้าเอเชียน
ฟุตบอลอินเวสต์เมนท์ เจ้าของสโมสรฟุตบอลเลสเตอร์ซิตี้
ซึ่งทุกกลุ่มธุรกิจต่างเข้าไปเกี่ยวข้องกับการส่งเสริมกิจกรรมเพื่อสังคมตลอดช่วงระยะเวลาผ่านมา โดยเฉพาะกับชุมชนต่าง ๆ ที่อยู่รายรอบสถานที่ตั้งของการดำเนินธุรกิจ
เพียงแต่ตลอดเวลาผ่านมา แนวทางการดำเนินกิจกรรมเพื่อสังคมอาจกระจัดกระจายในหลายรูปแบบ จนกระทั่ง “อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัทคิง เพาเวอร์ เข้ามารับผิดชอบในการบริหาร และดูแลกิจกรรมเพื่อสังคมอย่างเป็นรูปธรรม
ธีมคอนเซ็ปต์ของการดำเนินกิจกรรมเพื่อสังคมจึงปรากฏออกมาภายใต้โครงการ “KING POWER THAI POWER พลังคนไทย”
“ต้องบอกว่าผ่านมา 28 ปี เราทำกิจกรรมเพื่อสังคมมาเยอะ แต่กระจัดกระจายไปในที่ต่าง ๆ ผมจึงปรึกษาคุณพ่อ (วิชัย ศรีวัฒนประภา) และทีม
งานว่าเห็นทีเราคงต้องมาจัด Grouping ในการทำซีเอสอาร์อย่างเป็นเรื่องเป็นราวเสียที เพราะคนไม่จดจำว่าเราทำซีเอสอาร์เรื่องอะไรบ้าง ผลตรงนี้ จึงทำให้ผมมาดูจุดแข็งของตัวเองว่ามีตรงไหนบ้าง ที่สุดสรุปออกมาตรงกันว่าจุดแข็งที่เรามีคือกีฬา”
เมื่อได้คำว่า “กีฬา” แล้วอย่างไรต่อ ?
“อัยยวัฒน์” จึงมานั่งคิดต่อว่าเมื่อเรารู้จุดแข็งของเราในเรื่องกีฬาแล้ว เราจึงคิดว่าถ้าจะทำเรื่องกิจกรรมเพื่อสังคมให้เกิดความยั่งยืนในอนาคต ควรจะมองเรื่องอื่น ๆ ควบคู่กันไปด้วย จนที่สุดจึงออกมาเป็นคอนเซ็ปต์ “KING POWER THAI POWER พลังคนไทย” ทั้งหมด 4 ด้านด้วยกันคือ
หนึ่ง Sport Power
สอง Music Power
สาม Community Power
สี่ Foundation และ Health Power
“เพียงแต่ปีนี้เราขอเน้นเรื่องกีฬาก่อน เพราะเป็นสิ่งที่เราทำได้ทันที และทำมาตลอด และอย่างที่ทุกคนทราบเราทำเลสเตอร์ซิตี้ ฟุตบอล คลินิก และเราก็ทำโครงการ Fox Hunt ตามล่าจิ้งจอกสายพันธุ์สยาม, คิง เพาเวอร์ คัพ, โครงการสานฝันน้องพี สู่นักบอลอาชีพ และโครงการฮีโร่สานฝันปันรักเพื่อน้อง 5 จังหวัดชายแดนใต้”
“โครงการเหล่านี้เป็นสิ่งที่เราทำตอนนี้ และในช่วงผ่านมา ดังนั้น เมื่อเราคิดจะทำโครงการ KING POWER THAI POWER พลังคนไทย เราจึงมองเรื่องการส่งเสริมให้เยาวชนทั่วภูมิภาคของประเทศไทยเกิดการพัฒนาทักษะด้านฟุตบอล เราจึงจัดสร้างสนามฟุตบอลหญ้าเทียมมาตรฐานสากลให้กับโรงเรียนต่าง ๆ เพื่อให้พวกเขามีพื้นที่ออกกำลังกาย และใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์สูงสุด”
“ตอนนี้เราตั้งเป้าส่งมอบสนามฟุตบอลหญ้าเทียมให้กับโรงเรียนต่าง ๆ ภายในปี 2560 จำนวน 20 โรงเรียน และภายในปี 2565 คาดว่าเราจะส่งมอบสนามฟุตบอลหญ้าเทียมได้ทั้งหมด 100 โรงเรียน รวมมูลค่า 200 ล้านบาท
นอกจากนั้น เรายังทำโครงการมอบลูกฟุตบอลอีก 1 ล้านลูก ภายใน 6 ปี เพื่อให้เยาวชนไทยมีไว้ฝึกฝนทักษะด้านฟุตบอลอีกในเร็ว ๆ นี้ ซึ่งกลุ่มเป้าหมายของเราส่วนใหญ่จะเป็นโรงเรียน หรือชุมชนที่อยู่ใกล้เคียงกับดาวน์ทาวน์ คอมเพล็กซ์ ถนนรางน้ำ และสนามบินต่าง ๆ ที่มีสาขาอยู่”
นอกจากนั้น “อัยยวัฒน์” ยังกล่าวถึงโครงการคิง เพาเวอร์ คัพ ซึ่งโครงการนี้ทำมา 1 ปีแล้ว ด้วยการให้เยาวชนอายุต่ำกว่า 15 ปีมาแข่งคิง เพาเวอร์ คัพในประเทศไทย ส่วนใหญ่โรงเรียนต่าง ๆ เขาจะส่งทีมเข้ามา ปีที่ผ่านมามีทั้งหมด 96 ทีม ถือว่าประสบความสำเร็จในระดับหนึ่ง เพราะหลังจากทีมไหนได้แชมป์ ซึ่งมีรางวัลสูงสุดถึง 1 ล้านบาท เรายังคัดนักเตะเก่ง ๆ ไปเก็บตัวจำนวน 33 คน
“เพื่อคัดกรองให้เหลือ 16 คน พร้อมกับพาพวกเขาไปเก็บตัวที่สโมสรเลสเตอร์ซิตี้ ที่ประเทศอังกฤษ ถามว่าทำไมถึงต้องทำขนาดนั้น เพราะเราเชื่อว่านักเตะเยาวชนมีความสามารถ แต่สิ่งที่ขาดคือทักษะความเป็นมืออาชีพ เราอยากให้พวกเขาไปเห็นว่านักเตะอาชีพ โค้ชอาชีพมีคุณสมบัติอย่างไรบ้าง”
“อีกอันหนึ่งที่เราภูมิใจมากคือโครงการ Fox Hunt ตามล่าจิ้งจอกสายพันธุ์สยาม ซึ่งเป็นโครงการที่เรามอบทุนการศึกษาให้เยาวชนไทยไปศึกษา และฝึกทักษะด้านฟุตบอลที่สโมสรเลสเตอร์ซิตี้ ประเทศอังกฤษเป็นเวลา 2 ปีครึ่ง เราทำโครงการนี้มา 2 รุ่นแล้ว รุ่น 1 เพิ่งกลับมา ส่วนรุ่น 2 ตอนนี้ไปอยู่ที่โน่นแล้วเช่นกัน เพราะฉะนั้น น้อง ๆ เหล่านี้คือความหวังของพวกเรา เพราะส่วนหนึ่งเขาจะไปเล่นฟุตบอลในสโมสรตามลีกไทยต่าง ๆ ขณะที่บางส่วนก็จะไปเล่นในยุโรป”
ที่มา :
https://www.prachachat.net/uncategorized/news-22094