ในยุคที่ทุกคนใช้เวลากับมือถือมากกว่า การดูที ทำให้เกิดปรากฏการณ์ที่กลุ่มนักธุรกิจหันมาให้ความสำคัญในการทำธุรกิจบนตลาดออนไลน์ซึ่งวันนี้ต้องยอมรับว่าถ้าใครที่ไม่ยอมปรับตัวเรียนรู้ในการทำตลาดออนไลน์คุณอาจจะถึงจุดวิกฤติ ขนาดที่จะต้องปิดกิจการเหมือนที่ธุรกิจนิตยสารขนาดใหญ่บางธุรกิจได้ปิดตัวลง
หลายคนอาจจะรู้ตัวและกำลังมองหาวิธีการหรือเส้นทางที่จะเติบโตบนแพลตฟอร์มออนไลน์ หรือบางคนได้ลองเริ่มต้นทำไปแล้วแต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะประสบความสำเร็จเพราะโดยส่วนมากแล้วคนที่กระโดดลงมาทำออนไลน์นั้นมักจะใช้ประสบการณ์เดิมใช้คอนเทนท์หรือเนื้อหาเดิมที่เคยทำ เปลี่ยนมาใส่ในแพลตฟอร์มออนไลน์ซึ่งผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นคือล้มเหลวไม่เป็นท่าเพราะว่าแพลตฟอร์มออนไลน์แต่ละแพลตฟอร์มนั้น มีคุณสมบัติที่รองรับเนื้อหาคนละแบบกันอาทิเช่น Instagram จะรองรับการโปรโมทภาพที่เป็นเนทีฟคอนเทนท์และสามารถติดแฮชแท็คเพื่อช่วยในการค้นหาได้ดี แต่ในขณะที่ Facebook แม้จะใส่ แฮชแท็คได้ แต่ก็ไม่ได้เด่นเรื่องของแฮชแท็คแต่เป็นแพลตฟอร์มที่สามารถใส่เนื้อหาได้ไม่จำกัดแม้จะเป็นรูปแบบของวิดีโอหรือภาพนิ่งก็ใช้ได้ดีในแพลตฟอร์มของFacebookได้หมดถือว่าFacebookเป็นแพลตฟอร์มที่ใหญ่มากๆในขณะนี้ ส่วน Twitter คือพระเอกของวงการแตกประเด็นข่าวที่เป็นกระแสโดยมี #แฮชแท็กเป็นแรงเหวี่ยง
ในแต่ละแพลตฟอร์มนั้นจะใช้เนื้อหาไม่เหมือนกันและก็ต่างกันมากอาทิเช่นเราสามารถโปรโมทและใส่ลิ้งค์เพื่อให้ดูเนื้อหาเพิ่มเติมในแพลตฟอร์มของ Facebook และ Twitter ได้แต่ในแพลตฟอร์มของ Instagram นั้นจะไม่สามารถใส่ลิ้งค์ได้และคุณสามารถใส่ลิ้งค์ได้ที่เดียวคือพื้นที่ที่เรียกว่า bio เท่านั่น
ความเฉพาะด้านของแต่ละแพลตฟอร์มนั้นจึงจำเป็นที่จะต้องใช้ความสามารถด้านคอนเทนท์ที่เฉพาะด้านเช่นกัน ซึ่งนักการตลาดที่มีความชำนาญเฉพาะด้านนั้นจะสามารถขับเคลื่อนธุรกิจได้อย่างชัดเจน
bsocialmedia ต่อยโดนยอดปัง ขอยกเครดิตให้บุคคลผู้มีประสบการณ์ในการทำแบรนด์เครื่องสำอาง คุณวี คอมเมริ์ส ผู้ที่มากด้วยความสามารถในด้านกลยุทธ์ซึ่งในยุคนี้ใครที่จะทำแบรนด์เครื่องสำอางต้องนึกถึงเค้าเลย
กลยุทธ์ที่ดีจะนำพาให้ธุรกิจเติบโตอย่างมีทิศทางแต่หัวใจของการทำการตลาดออนไลน์อีกอย่างหนึ่งก็คือเรื่องของคอนเทนท์ bsocialmedia ต่อยโดนยอดปัง มีประสบการณ์ในด้านของการทำ microcontent ไมโครคอนเทนท์ เพราะในยุคที่ทุกคนต่างก็หันมาทำออนไลน์จึงต้องสู้กันด้วยคุณภาพของคอนเทนท์
เพราะนั่นคือตัวชี้วัดว่าโฆษณาของคุณจะต้องเสียค่าโฆษณาถูกหรือแพง ตรงกลุ่มเป้าหมายหรือผิดกลุ่มและยังเป็นการพะยากรล่วงหน้าถึงแนวโน้มการเติบโตของธุรกิจได้อีกด้วย
สัมนาระดับโลกต่างให้ความสำคัญกับเรื่องไมโครคอนเทนท์มาก อันเนื่องจากมีการแข่งขันกันสูงมากที่อเมริกา สิ่งเดียวที่จะชี้วดีว่าใครจะเป็นผู้ชนะยืนอยู่บนออนไลน์ได้นั่นคือคุณภาพของคอนเทนท์และกระแสที่ทั่วโลกกำลังนิยมก็คือ native content หรือเนื้อหาที่เป็นธรรมชาติซึ่งองค์ประกอบของคอนเทนท์จะประกอบไปด้วย Emotion keyword natural นั่นหมายความว่าจากนี้ไปคอนเทนท์จะไม่ใช่แค่ภาพสินค้าเดี่ยวๆแล้วจะขายได้ แต่ภาพนั้นต้องมีองค์ประกอบของภาพที่บ่งบอกอารมณ์ความรู้สึกเราเรื่องราวในภาพนั้นได้
Bsocialmedia ต่อยโดนยอดปัง ใช้ประสบการณ์ในการเรียนรู้และพัฒนาด้านการทำตลาดออนไลน์โดยใช้Native Content พัฒนาจนทำให้ค่าโฆษณาของ Facebook หรือแม้แต่ Google AdWords ราคาที่ถูกลงอย่างไม่น่าเชื่อ เพียง 0.1บาทต่อคลิก ทำให้ค่า CTR สูงหรืออัตราความสนใจต่อการแสดงผลโฆษณาสูงขึ้น ชี้ให้เห็น โอกาสในการเติบโตของธุรกิจคุณเช่นกัน
สุดท้ายนี้หวังเป็นอย่างยิ่งว่าองค์ความรู้นี้จะเป็นประโยชน์กับ Startup ไทยที่กำลังเติมโตบนแพลตฟอร์มออนไลน์เพื่อเป็นเบอร์ต้นๆในเอเชีย