นิทานล้านบรรทัด / ประภาส ชลศรานนท์
ผู้ชายที่รอบคอบที่สุดในโลก
ในที่สุดผู้ชายที่รอบคอบที่สุดในโลกก็ขึ้นเวทีรับรางวัลโล่ทองคำ “ที่สุดแห่งโลก” มาครอบครอง
ทันทีที่รับรางวัลมา เขากอดโล่ทองคำนั้นไว้ในอกไม่ยอมวางที่ไหน ไม่ว่าจะยืนคุยกับใคร ไม่ว่าจะใช้อีกมือหนึ่งถือแก้วน้ำ หรือแม้แต่เข้าห้องน้ำ มืออีกข้างหนึ่งของเขาจะต้องกอดโล่รางวัลไว้แนบอกตลอดเวลา
ระหว่างทางกลับบ้าน ทุกครั้งที่มีผู้คนอยากชื่นชมโล่ทองคำและขอดูใกล้ๆ ผู้ชายที่รอบคอบที่สุดในโลกก็จะถามชื่อและจดไว้ในสมุดทุกคน
หลายคนเขาเพียงแค่ยื่นโล่ให้ดู ไม่ยอมให้จับ ด้วยกลัวว่าเหงื่อของคนเหล่านั้นจะทำให้สีของทองคำหมองลงไป
“ท่านจะขายโล่นี้เราเท่าไร”
ผู้ชายที่ร่ำรวยที่สุดในโลกยืนขวางทางอยู่
“ข้าพเจ้าไม่ขาย เพราะถึงแม้ข้าพเจ้าจะขายท่านในราคาแพง เมื่อได้เงินมา ข้าพเจ้าก็ต้องนำเงินไปซื้อของที่ข้าพเจ้าอยากได้มาไว้ครอบครอง แล้วถ้าเกิดท่านสนใจของที่ข้าพเจ้าไปซื้อมาอีกละ ท่านก็คงมาขอซื้อของของข้าพเจ้าด้วยราคาแพงอีก จริงไหม และไม่ว่าข้าพเจ้าจะมีของที่ข้าพเจ้าอยากมีไว้ สุดท้ายท่านก็คงมาขอซื้อไปหมด” ผู้ชายที่รอบคอบที่สุดในโลกบอก
“ท่านเหมาะสมที่จะได้รับรางวัลนี้จริงๆ” ผู้ชายที่ร่ำรวยที่สุดในโลกกล่าวชม
หลังจากยื่นโล่ให้ผู้ชายที่ร่ำรวยที่สุดในโลกได้ชื่นชมสักครู่ ผู้ชายที่รอบคอบที่สุดในโลกก็เดินทางต่อไปยังท่าเรือเพื่อจะกลับบ้าน
“มา
แต่งงานกับข้าพเจ้าเถิด”
ผู้หญิงที่สวยที่สุดในโลกยืนขวางบันไดที่จะลงไปท่าเรือ
“มีเหตุผลข้อใดที่สมเหตุสมผลพอที่ข้าพเจ้าควรจะแต่งกับท่านหรือ” แม้จะต้องเสน่ห์ของนางจนอารมณ์คล้อยตาม ผู้ชายที่รอบคอบที่สุดในโลกก็ยังรอบคอบ
“ข้าพเจ้าคือความงดงามที่สุด ส่วนท่านคือความรอบคอบที่สุด เราคือที่สุดของโลกนี้ เราคือสิ่งที่ควรคู่กัน” ผู้หญิงที่สวยที่สุดในโลกชม้อยตา
“ข้าพเจ้าไม่เห็นด้วยกับท่านทั้งหมด” ผู้ชายที่รอบคอบที่สุดกล่าว “จริงอยู่ ท่านเป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดในโลก แต่อย่าลืมว่าท่านเป็นแค่เพียงยามนี้ วันข้างหน้าหากท่านแก่ชราลง ท่านก็คงไม่เป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดในโลกแล้ว ส่วนข้าพเจ้า ความรอบคอบอันเป็นที่สุดจะไม่มีวันเสื่อมคลายลง ท่านก็รู้ว่าคนเรานั้นยิ่งแก่อายุมากขึ้น ความรอบคอบก็จะเท่าทวี ถึงตอนนั้นเราก็คงไม่คู่ควรกันแล้ว”
พูดจบผู้ชายที่รอบคอบที่สุดในโลกก็รีบหันไปมองทางอื่น ด้วยไม่กล้าสบสายตาอันพราวเสน่ห์ของนาง
“ท่านเหมาะสมที่จะได้รับรางวัลนี้จริงๆ” ผู้หญิงที่สวยที่สุดในโลกกล่าวชื่นชม
ผู้ชายที่รอบคอบที่สุดในโลกเดินลงบันไดไปที่ท่าเรือที่เขาผูกเรือพายของตัวเองไว้ แม้จะเก้ๆกังๆกับการแก้เชือกผูกเรือด้วยมือข้างเดียว แต่ด้วยความรอบคอบกลัวรางวัลโล่ทองคำหล่นหาย ในที่สุดหลังจากผ่านไปเกือบชั่วโมง ผู้ชายที่รอบคอบที่สุดในโลกก็นั่งกอดโล่ทองคำอยู่บนเรือ
“แล้วเราจะพายเรืออย่างไรด้วยมือข้างเดียว” ผู้ชายที่รอบคอบที่สุดในโลกรำพึง “แต่อยู่บนเรือลำพังอย่างนี้ คงไม่มีใครมาขโมยโล่ไปได้แล้ว” นึกอย่างนั้นจบ ผู้ชายที่รอบคอบที่สุดในโลกก็วางโล่ไว้ที่ข้างเท้าแล้วก็หยิบพายขึ้นมาพายเรือออก
แม่น้ำไป
ขณะที่อยู่กลาง
แม่น้ำ คลื่นลูกใหญ่ลูกหนึ่งกระเพื่อมมาจากเรือใหญ่ที่วิ่งผ่านมา เรือของผู้ชายที่รอบคอบที่สุดในโลกจึงเอียงตัวไปอย่างแรง โล่ทองคำกลิ้งจากตำแหน่งที่วางอยู่ไปข้างหน้า
ผู้ชายที่รอบคอบที่สุดในโลกวางพายลงทันที เขารีบเอื้อมมือไปคว้าโล่ที่กำลังกลิ้งตามแรงโคลงของเรือ และด้วยอาการเอื้อมตัวที่เร็วเกินไปจึงทำให้เรือเอียงตัวกลับมาอีกทาง
เรือเอียงคราวนี้แรงจนทำให้โล่ทองคำกลิ้งกระเด็นตกน้ำไป
ผู้ชายที่รอบคอบที่สุดในโลกจ้องมองจุดที่โล่ตกน้ำ เขาไม่ส่งเสียงร้องตกใจใดๆ อาจจะเป็นเพราะเป็นคนที่ฝึกตั้งสติเมื่อเกิดเหตุคับขันมาตั้งแต่ยังเด็กทำให้เขาไม่ตระหนก
ผู้ชายที่รอบคอบที่สุดในโลกล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อเพื่อหยิบกล่องเล็กๆออกมา ด้วยความรอบคอบเขามักพกกล่องนี้ติดตัวตลอด ข้างในมีเครื่องเขียนชุดเล็กๆครบชุด ปากกา ดินสอ ยางลบ วงเวียน น้ำยาลบคำผิด หรือแม้แต่ชอล์กเขียนกระดาน
ผู้ชายที่รอบคอบที่สุดในโลกหยิบชอล์กขึ้นมาแท่งหนึ่ง เขาขีดเครื่องหมายถูกลงบนขอบเรือตำแหน่งที่โล่ทองคำตกน้ำไป
“ทีนี้เราก็จำได้แล้วว่า โล่ทองคำตกไปตำแหน่งไหน”
เรือยังคงลอยไปตามกระแสน้ำ
คืนนั้นแทบทั้งคืน ผู้ชายที่รอบคอบที่สุดในโลกดำผุดดำว่ายหาโล่ทองคำอยู่บริเวณที่เขาใช้ชอล์กขีดเครื่องหมายบนขอบเรือไว้
รุ่งเช้าผู้ชายที่รอบคอบที่สุดในโลกพายเรือเข้าฝั่งแล้วก็รีบติดต่อผู้ชายที่ดำน้ำเก่งที่สุดในโลกมาช่วยงมหาโล่ทองคำ โดยไม่ลืมที่จะนำสีทาบ้านมาทาซ้ำตำแหน่งที่ขีดชอล์กไว้
“สีชอล์กหลุดเลือนหายง่าย” เขาเล่าถึงความรอบคอบของตัวเองทันทีที่ผู้ชายที่ดำน้ำเก่งที่สุดในโลกเดินทางมาถึง
“ตำแหน่งที่โล่ตกน้ำคือจุดที่สีขีดไว้นั่นแหละ ช่วยดำหาให้หน่อยเถิด จะไปที่แม่น้ำไหน ทะเลไหนก็ไป”
.........................................................
Cr. Prapas Cholsaranon 
10