ในการจัดประชุมสุดยอดธุรกิจและการลงทุนอาเซียน (ASEAN Business and Investment Summit 2019) เวทีของภาคธุรกิจที่จัดควบคู่กับการประชุมสุดยอดอาเซียน (ASEAN Summit) ครั้งที่ 35 จัดโดย สภาที่ปรึกษาธุรกิจอาเซียน เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2562 ที่ผ่านมา
นายธรินทร์ ธนียวัน กรรมการผู้จัดการใหญ่ แกร็บ ประเทศไทย ได้ร่วมบรรยายในหัวข้อ “Empowering MSMEs Towards ASEAN 4.0” ซึ่งสะท้อนถึงโมเดลธุรกิจแกร็บในมุ่งสนับสนุนผู้ประกอบการธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (Micro-entrepreneurs, Small and Medium-sized Enterprises:MSMEs) ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ประกอบการที่ถือว่าเป็นกำลังสำคัญที่คอยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของภูมิภาคอาเซียน
ทั้งนี้ จากข้อมูลของสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ระบุว่า ในปี 2561 ผู้ประกอบการขนาดกลางถึงขนาดย่อมในประเทศไทยมีจำนวนมากกว่า 3 ล้านราย ซึ่งคิดเป็น 99% ของจำนวนผู้ประกอบการทั้งหมดของประเทศ และเป็นกลุ่มที่ส่งเสริมให้เกิดการจ้างงานมากกว่า 13 ล้านคนหรือคิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 85% ของอัตราการจ้างงานรวมทั้งประเทศ
ข้อมูลดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่า MSMEs ถือเป็นกลุ่มที่มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งที่จะช่วยขับเคลื่อนและผลักดันประเทศไทยไปสู่ยุคเศรษฐกิจดิจิทัลตามนโยบายไทยแลนด์ 4.0 อย่างไรก็ดี แม้ว่าจะมีผู้ประกอบการเหล่านี้อยู่เป็นจำนวนมาก แต่มูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ที่เกิดจากกลุ่ม MSMEs คิดเป็นสัดส่วน 43% ของ GDP ทั้งประเทศเท่านั้น นี่จึงถือเป็นโอกาสในการขยายตัวของ จีดีพี ในอนาคตหากมีการส่งเสริมให้ผู้ประกอบการเหล่านี้มีศักยภาพมากขึ้น
ขณะที่การมาของเศรษฐกิจดิจิทัล (Digital Economy) ที่คาดว่าจะมีมูลค่าในภูมิภาคอาเซียนเพิ่มขึ้นถึง 3 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ ภายในปี 2568 จะถูกขับเคลื่อนโดยธุรกิจและบริการใหม่ๆ ที่มีอัตราการเติบโตแบบก้าวกระโดด ไม่ว่าจะเป็น การทำธุรกิจออนไลน์ หรืออีคอมเมิร์ซ, บริการธุรกรรมทางการเงินออนไลน์, บริการเรียกรถ, หรือแม้แต่บริการส่งอาหารหรือพัสดุผ่านแอปพลิเคชัน
อย่างไรก็ตาม อุปสรรคสำคัญที่คอยขัดขวางไม่ให้ MSMEs สามารถสร้างโอกาสในทางธุรกิจโดยใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี คือ การเข้าถึงโอกาสอย่างเท่าเทียมของกลุ่มผู้ประกอบการเหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็น ความยากลำบากในการเข้าถึงบริการทางการเงิน ความพร้อมของผู้ประกอบการในการปรับตัวเพื่อให้เกิดความคุ้นชินกับเทคโนโลยีสมัยใหม่ รวมไปถึงแนวคิดและการกำหนดนโยบายของภาครัฐที่เอื้อต่อการใช้ประโยชน์จากนวัตกรรมและเทคโนโลยีในการพัฒนาธุรกิจ
“ประเด็นต่างๆ เหล่านี้ยังถือเป็นช่องโหว่ที่อาจส่งผลกระทบต่อภาคเศรษฐกิจและกลายเป็นความท้าทายของหลายประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในปัจจุบัน อย่างไรก็ดี ภาคเอกชนหรือบริษัทผู้พัฒนาเทคโนโลยีอย่างแกร็บสามารถมีส่วนช่วยในการผลักดันและลดข้อจำกัดเหล่านั้นลงได้”นายธรินทร์ กล่าว
นายธรินทร์ ยกตัวอย่างหนึ่งในผู้ประกอบการรายย่อยอย่าง “นนทกานต์ ซ้ายกาละคำ” เจ้าของธุรกิจร้านอาหารอิสาน “ส้มตำอมร” ซึ่งในอดีตมีแต่ลูกค้าที่เข้ามาทานอาหารจากหน้าร้านเท่านั้น โดยเฉลี่ยในแต่ละวันจะมีลูกค้าไม่เกิน 100 คน และมีพื้นที่ให้บริการจำกัด สามารถรองรับลูกค้าได้สูงสุดเพียง 60 คนเท่านั้น แต่เมื่อเข้าร่วมกับ “แกร็บฟู้ด” ทำให้ร้านส้มตำอมรเป็นที่รู้จักในวงกว้างและสามารถขยายฐานลูกค้าได้เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล โดยปัจจุบัน กว่า 75% ของยอดขายของร้านส้มตำอมรมาจากการสั่งอาหารผ่านแกร็บฟู้ด
ปัจจุบัน บริษัทผู้พัฒนาเทคโนโลยีหรือให้บริการแอปพลิเคชันได้ร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐของประเทศต่างๆ ในการส่งเสริมและสนับสนุนกลุ่ม MSMEs ให้สามารถปรับตัวและใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีในการสร้างรายได้และพัฒนาคุณภาพชีวิตได้ แกร็บเองก็เป็นหนึ่งในบริษัทเหล่านั้นที่ได้ร่วมส่งเสริมการเข้าถึงโอกาสในการสร้างรายได้ให้กับทั้งพาร์ทเนอร์คนขับ พาร์ทเนอร์คนส่งอาหาร รวมถึงพาร์ทเนอร์ร้านค้า
ที่ผ่านมา แกร็บได้สนับสนุน MSMEs กว่า 9 ล้านคนทั่วทั้งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ให้มีอาชีพอิสระและสามารถสร้างรายได้เสริมจากแพลตฟอร์มของแกร็บ โดย 21% ของคนกลุ่มนี้เป็นผู้ที่ไม่เคยมีอาชีพมาก่อน รายได้ที่เกิดจากการใช้แอปพลิเคชันแกร็บถือเป็นก้าวแรกที่ทำให้พวกเขามีอิสระทางการเงิน
สำหรับในประเทศไทย ปัจจุบัน แกร็บให้บริการครอบคลุม 20 เมืองใน 18 จังหวัด โดยตลอดระยะเวลากว่า 6 ปีที่ผ่านมา แอปพลิเคชันแกร็บมีส่วนช่วยให้คนไทยนับแสนคนมีโอกาสในการหารายได้เสริมและยกระดับคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น โดยในปี 2563 นี้ แกร็บวางแผนที่จะขยายการให้บริการไปยังเมืองรองมากขึ้น โดยมีความตั้งใจที่จะกระจายรายได้ไปสู่จังหวัดท้องถิ่นเพื่อรองรับการขยายตัวของเศรษฐกิจดิจิทัล
นอกจากนี้ แกร็บยังพยายามส่งเสริมให้เกิดการเข้าถึงบริการทางการเงินกับกลุ่มที่ยังขาดโอกาส โดยนับตั้งแต่ปี 2555 แกร็บได้ทำงานร่วมกับพันธมิตรในกลุ่มสถาบันการเงินหลายแห่ง เพื่อช่วยให้ MSMEs กว่า 1.7 ล้านรายทั่วทั้งภูมิภาคเข้าถึงบริการทางการเงินโดยสามารถเปิดบัญชีธนาคารเล่มแรกได้ รวมทั้งเปิดโอกาสให้กับคนกลุ่มนี้สามารถขอกู้สินเชื่อแบบออนไลน์หรือที่เรียกว่า Digital Lending ได้
แกร็บยังพยายามขยายการใช้งานของบริการกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์หรือ E-wallet เพื่อส่งเสริมให้ทุกคนในภูมิภาคอาเซียนเข้าถึงสังคมไร้เงินสดอย่างเท่าเทียมกัน ในประเทศไทย ได้เริ่มให้บริการ “แกร็บเพย์ วอลเล็ต” โดยขยายไปสู่ผู้ประกอบการร้านค้าเพื่อให้สามารถรับการชำระค่าบริการจากผู้ใช้แกร็บได้โดยไม่ต้องใช้เงินสดได้
ทั้งนี้ ถือเป็นการขยายโอกาสทางธุรกิจให้กับกลุ่ม MSMEs เพื่อให้สามารถรองรับความต้องการและไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนแปลงไปของผู้บริโภคในยุคโมบายเฟิร์สได้อย่างไม่ตกกระแส
ทั้งหมดนี้ เป็นตามพันธกิจ “แกร็บ ฟอร์ กู๊ด” (Grab For Good) ที่มุ่งมั่นส่งเสริมให้เกิดความเท่าเทียมในการเข้าถึงและใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี เพื่อสร้างความก้าวหน้าให้กับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในขณะเดียวกันก็พร้อมพัฒนาศักยภาพของกลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม รวมไปถึงผู้ประกอบการรายย่อย ซึ่งถือเป็นกำลังสำคัญของชาติในการเสริมสร้างความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจ และผลักดันให้ประเทศไทยก้าวไปสู่ยุคเศรษฐกิจดิจิทัลตามนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ได้อย่างเต็มภาคภูมิ
https://www.thebangkokinsight.com/268060/