‘สมโภชน์ อาหุนัย’ บิ๊กพลังงาน ฉายา อีลอน มัสก์ เมืองไทย ตอบจ.ม.นายกฯ เสนอไอเดียสู้โควิด
นายสมโภชน์ อาหุนัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) เจ้าของฉายา อีลอน มัสก์ เมืองไทย ได้ทำจดหมายตอบกลับพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม โดยมีเนื้อหาดังนี้
ก่อนอื่น ผมขอขอบพระคุณท่านนายกรัฐมนตรีที่กรุณาให้เกียรติส่งจดหมายมาถึงผม ในสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 ถือเป็นวิกฤตที่รุนแรงอีกครั้งหนึ่งของมนุษยชาติ ผมจึงขอเป็นกำลังใจให้แก่ท่านนายกรัฐมนตรี คณะรัฐบาล และทีมงานที่เข้มแข็งพร้อมทั้งศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 ในภารกิจการนำพาประเทศไทยให้ก้าวข้ามผ่านวิกฤตในครั้งนี้ และขอยกย่องในความเสียสละ ทุ่มเทของบุคลากรทางการแพทย์ทุกท่านที่สามารถควบคุมการแพร่ระบาดในประเทศไทยให้เป็นที่ชื่นชมในระดับต้นๆ ของโลก แต่จากการที่องค์การอนามัยโลกคาดการณ์ว่า สถานการณ์โควิด-19 จะยังคงอยู่ต่อไปอีกระยะหนึ่ง ดังนั้น ประเด็นที่ว่าเราจะอยู่อย่างไรให้ปลอดภัย และสามารถลดผลกระทบทางด้านเศรษฐกิจและสังคมให้น้อยที่สุดจึงเป็นสิ่งที่สำคัญมาก จนกว่าจะมีวัคซีนและยารักษาโรค
นับตั้งแต่ที่ทราบข่าวว่าพบผู้ป่วยโควิด-19 รายแรกในประเทศไทยเมื่อวันที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2563 ผมรู้สึกเป็นห่วงและได้ติดตามเหตุการณ์การแพร่ระบาดของโรคอย่างใกล้ชิด ซึ่งในเวลานั้นสถานการณ์ค่อนข้างวิกฤตและยากที่จะคาดการณ์ได้ว่า การระบาดจะรุนแรงจนเกินความสามารถในการรองรับของระบบสาธารณสุขของประเทศหรือไม่ แล้วมีแนวโน้มจะสิ้นสุดอย่างไร ภายในระยะเวลาที่รวดเร็วหรือไม่ ผมจึงได้พยายามคาดการณ์และประเมินสถานการณ์ในแต่ละกรณีตามแผนภาพ (รายละเอียดตามเอกสารแนบ 1) โดยประเมินถึงสิ่งที่จำเป็นที่ประเทศไทยอาจจะขาดแคลนในแต่ละกรณี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนที่จะส่งเสริมและป้องกันบุคลากรทางการแพทย์พร้อมทั้งลดการติดเชื้อตั้งแต่ต้นทาง
ผมพบว่า ยังมีหลายสิ่งที่ต้องทำและเตรียมการอีกมากมาย ซึ่งอาจจะต้องมีการประสานงานเพื่อลดความซ้ำซ้อน เพื่อให้เกิดการบริหารจัดการทรัพยากรให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น จึงได้ริเริ่มชักชวนผู้ที่สนใจทุกภาคส่วนในสังคมที่มีความรู้ความสามารถหลายด้านมาร่วมมือกัน โดยไม่หวังผลประโยชน์ ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด ไม่อิงการเมือง ไม่วิพากษ์วิจารณ์ใคร มาร่วมกันทำงานอย่างโปร่งใสและสามารถตรวจสอบได้ พร้อมเปิดรับแนวคิดที่เป็นประโยชน์ ไม่ทำงานซ้ำซ้อนกับโครงการอื่น ขณะเดียวกัน จะสนับสนุนและส่งเสริมโครงการดีๆ ที่มีผู้อื่นทำอยู่แล้ว และพร้อมที่จะสลายกลุ่มทันทีเมื่อวิกฤตผ่านพ้นไป โดยตั้งชื่อว่า “กลุ่มช่วยกัน” (รายละเอียดตามเอกสารแนบ 2)
ไม่ว่าสถานการณ์จะยืดเยื้อ หรือแม้กระทั่งในกรณีเลวร้าย เกิดการติดเชื้อเป็นจำนวนมากเกินความสามารถของระบบสาธารณสุขของประเทศ จึงมีความจำเป็นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่ประเทศไทยจะต้องเพิ่มขีดความสามารถของระบบสาธารณสุขของประเทศ พร้อมทั้งต้องเพิ่มศักยภาพของคนไทยในการป้องกันตนเองจากการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 และที่สำคัญที่สุดคือ จะต้องค้นหาจุดสมดุลใหม่ ระหว่างการระงับการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 และการประคองเศรษฐกิจของประเทศ เพื่อให้สังคมไทยดำเนินต่อไปได้อย่างสงบเรียบร้อย
ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ เหตุการณ์การระบาดของโรคเริ่มลุกลามมากขึ้น อุปกรณ์ทางการแพทย์ที่จำเป็นเริ่มขาดแคลน การจัดซื้อจัดหาทำได้ลำบากขึ้นเรื่อยๆถึงแม้ว่าจะมีกำลังทรัพย์ก็ตาม ผมเกรงว่า หากสถานการณ์เลวร้ายลงไปกว่านี้ เราอาจจะ ไม่สามารถจัดหาอุปกรณ์เหล่านั้นตามจำนวนที่ต้องการได้ทันเวลา ผมจึงได้เริ่มออกแบบ จัดหา และสั่งซื้อชิ้นส่วนอุปกรณ์สำคัญ ที่มีในท้องตลาดในเวลานั้นเป็นการล่วงหน้า (รายละเอียดตามเอกสารแนบ 3) เพื่อนำมาใช้โดยตรง หรือสามารถดัดแปลงและนำมาติดตั้งง่ายๆ ในเวลาอันรวดเร็วโดยช่างติดตั้งทั่วไป อีกทั้งสามารถนำไปปรับใช้งานอื่นได้ภายหลังการระบาดสิ้นสุดลง
ผมขอเรียนรายงานท่านนายกรัฐมนตรี ทราบถึงสิ่งที่ได้ดำเนินการไปแล้ว สิ่งที่อยู่ระหว่างดำเนินการ และความคืบหน้าของแผนงานในอนาคตดังต่อไปนี้ (รายละเอียดตามเอกสารแนบ 4)นอกเหนือจากนี้ ผมคิดว่าหากเรามองวิกฤตให้เป็นโอกาส วิกฤตครั้งนี้ก็อาจเป็นโอกาสสำคัญที่ประเทศไทยของเราจะสามารถเริ่มพัฒนาอุตสาหกรรมการผลิตเครื่องมือด้านสาธารณสุขสำหรับใช้ในประเทศ เพื่อสร้างความยั่งยืนในระยะยาวได้อีกด้วย สิ่งที่ บมจ.พลังงานบริสุทธิ์ ได้ออกแบบและพัฒนาขึ้นมานั้น ผมยินดีเป็นอย่างยิ่ง หากผู้ใดสนใจนำไปพัฒนาต่อยอด
https://www.matichon.co.th/covid19/thai-covid19/news_2174032