พุทธจิตวิทยา: วัคซีนทางใจต้านไวรัสโควิค-19 การใช้หลักพุทธจิตวิทยาในการจัดการตนเองต่อเหตุการณ์โควิค-19 เราสามารถน้อมนำหลักคำสอนทางพระพุทธศาสนามาฉีดวัคซีนทางใจ เพื่อป้องกันความทุกข์และเป็นหลักที่พึ่งทางใจ สำหรับคนในทุกวัย ทุกเพศ ทุกสถานะ ไม่ว่า คนรวยหรือคนจน ต่างประสบปัญหาอยู่ในท่ามกลางสถานการณ์เดียวกันและได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ครั้งนี้แตกต่างกัน เนื่องจากโรคนี้ไม่ได้เกี่ยวกับความร่ำรวย หรือจน ทุกคนมีโอกาสติดเชื้อโรคได้อย่างเสมอภาค ทำให้ผู้คนเกิดการตื่นตระหนก หวาดระแวงคนใกล้ตัว ถึงแม้ไม่รู้จักก็ตาม มองว่าคนรอบตัวเราอาจมีเชื้อหรือติดเชื้อแล้ว ความรู้สึกนี้ติดลบต่างๆ ทำให้เกิดจิตอกุศลเกิดขึ้นในใจได้
ดังนั้นขอนำเสนอวิธีคิดและวิธีปฏิบัติต่อตนเองและผู้อื่น และสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม ผู้ใหญ่เป็นกัลยาณมิตรที่ดีสอนเด็ก เยาวชน ผู้ที่จะเป็นกำลังสำคัญของชาติในการพัฒนาประเทศ ได้เข้าใจและปฏิบัติอย่างไรให้เผชิญกับภาวะวิกฤตเช่นนี้
1. เมื่อฝึกคิดให้ใจอยู่กับปัจจุบัน เพราะติดตามข่าวสารมาก ความคิดปรุง
แต่ง จิตไหลไปอดีตและจิตล่องลอยไปคิดเรื่องอนาคตตลอดเวลา คิดถึงความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้น ไม่ว่าเศรษฐกิจ อาชีพ โรคภัยต่างๆ ทำให้ทนสภาพปัจจุบันไม่ได้ จนไม่ทันเห็นภัยที่คุกคามใจอยู่ตลอดเวลา ความเครียด ความวิตกกังวล ความท้อแท้ ความโกรธ ที่บั่นทอนจิตใจทำให้ทุกข์มาก เราจำเป็นเป็นต้องพาใจมาอยู่บ้าน คือ สติ
2. สร้างภูมิคุ้มกันทางใจ คือ การฝึกความรู้สึกตัว ในอิริยาบถต่างๆ ในชีวิตประจำวัน ฝึกภาวนาอยู่กับลมหายใจเข้าออก ทำความรู้สึกตัว ถ้าใจเราเผลอแวบ หมกมุ่นความคิด รู้ตัวเมื่อไร เราก็พาใจมาอยู่กับปัจจุบัน โดยมีลมหายใจมีตัวเชื่อม ตัวขจัดความกลัวจนขาดสติ
3. พ่อ
แม่ ผู้ปกครอง ครู จะต้องร่วมมือกันพัฒนาเด็ก และเยาวชน เปิดโอกาสให้เด็กได้ฝึกฝนการแก้ปัญหาและอุปสรรคพร้อมให้คำแนะนำการปฏิบัติตนเองและต่อผู้อื่น ช่วยลดปัญหาที่เกิดจากความผิดพลาด เกิดความเครียด ความวิตกกังวล ความกลัวที่เกิดจากการสูญเสียต่างๆ และฝึกการยอมรับความจริงจากเหตุการณ์ครั้งนี้
4. ผู้ใหญ่ควรสอนให้เด็กและเยาวชนรู้จักการบริหาจัดการอารมณ์จิตใจอย่างไร ให้ความสำคัญของจิตใจให้มากขึ้น เมื่อเจอสภาวะกดดัน ทำใจยอมรับความผิดหวัง สอนให้เด็กเข้าใจธรรมชาติของโลก เราจะอยู่อย่างไรกับโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรู้เท่าทัน
5 .ตั้งคำถามกับตัวเองบ่อยๆ เราเอาชนะความกลัวในใจได้อย่างไร การเตรียมพร้อมกับการใช้ชีวิตแบบ new normal ฝึกพิจารณาทบทวนสถานการณ์ครั้งนี้ มีประโยชน์อะไรกับเราบ้าง เตือนใจให้ตระหนักว่า เราต้องอยู่กับโรคติดเชื้อไปอีกนาน แม้เวลาผ่านพ้นไป ก็อาจมีโรคชนิดใหม่เกิดขึ้นอีก เราต้องสร้างภูมิคุ้มทางกาย และสร้างภูมิคุ้มกันทางจิตใจเตรียมความพร้อมในการรับมือในวันข้างหน้า ฝึกการคิดแบบเร้ากุศล นำบทเรียนมาพัฒนาตนเองเองได้อย่างไร
6. ฝึกพิจารณาแยกแยะข่าวสารจากสื่อต่างๆ อย่าด่วนสรุปข่าวเกินไปทำให้เกิดตื่นตระหนก และฝึกทำใจยอมรับ ปล่องวางกับสถานการณ์ที่เราไม่สามารถควบคุมได้ ฝึกวิธีคิดแบบโยนิโสมนสิการกับเหตุการณ์ต่างๆ ที่เข้ามาในชีวิต พิจารณาไตร่ตรองด้วยเหตุผลให้เป็นนิสัย
7. ฝึกการแบ่งปันให้ผู้อื่น ช่วยเหลือเกื้อกูลผู้อื่น เมื่อก่อนเราคิดจะทำความดีให้ใครหรือไม่ เมื่อเราสบาย มีความสุข ถ้าเรารู้สึกว่า สงสารคนอื่น อยากทำความดีเพื่อคนอื่น จิตพร้อมที่คิดสิ่งดีงาม พร้อมที่จะทำสิ่งเป็นประโยชน์ ต่อส่วนรวมเป็นความสุขที่สร้างสรรค์ได้อย่างไร
8. การใช้ชีวิตแบบไม่ประมาท อย่าให้ความกลัวมาปิดกั้นสติสัมปชัญญะ รู้ทันความกลัว อย่าให้ครอบงำใจ สร้างความรังเกียจ ซ้ำเติมผู้อื่น
9. ในช่วงวิกฤติ ให้แสดงความเห็นอกเห็นใจ คิดดี ทำดี มีเมตตา ให้อภัยซึ่งกันและกัน ฝึกการแสดงความรัก กำลังใจ ความเข้าใจ และให้คำแนะนำเพื่อให้ผู้ประสบปัญหาผ่านพ้นเหตุการณ์ปัญหาต่างๆ ไปได้
10. เรียนรู้ที่ช่วยตัวเองให้มากขึ้น เมื่อมีปัญหา ด้วยการฝึกสติ สร้างสุขนิสัยใหม่ให้กับตัวเอง รักษากติกาทางสังคม มีจิตสำนึกความรับผิดชอบทางสังคมร่วมกัน ไม่เอาตัวรอดเฉพาะตัว
11. ปรับวิธีคิดบวกต่อคนอื่น ระมัดระวังตัว ดูแลตนเอง ป้องกันตนเอง ไม่สร้างปัญหาให้กับคนอื่น แทนที่จะโทษคนอื่น เช่น เราปรับวิธีคิดของตัวเอง เราอาจจะมีเชื้อที่แพร่ไปคนอื่นได้ ทำให้เราต้องดูแลตัวเอง เราจะไม่ทำตัวเป็นปัญหาคนอื่น ไม่ต้องเรียกร้องให้เขาเข้าใจเรา วิธีนี้ทำให้เราคิดเป็นกุศลมากขึ้น และสร้างความสัมพันธ์ทางสังคมกับผู้อื่นได้ดี
12. แสวงหาหลักธรรมที่เป็นที่พึ่งทางใจมากขึ้น หันสนใจความรู้สึกของตนเอง จิตใจเป็นอย่างไร ลดความต้องการภายนอกใช้ชีวิตให้ง่าย สุขให้ง่าย ทุกข์ให้ยาก พึ่งพาความสุขภายนอกให้น้อยลง